จบไปแล้วกับงานประเพณีเดินขึ้นดอยสุเทพในวันวิสาขบูชา ในวันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2552 งานนี้เล่นเอาซะเท้าบวมไปหมด ในวันนี้นั้นความจริงแล้วผมก็คิดว่าเดินในวันที่ 9 แต่เพื่อนบอกว่าวันที่ 8 สรุปคือรู้ในวันที่จะไปนั้นเลย แต่.. ตอนนี้ผมกำลังจะออกไปนั้น (ประมาณ 2 ทุ่ม) ท้องฟ้าเริ่มไม่เป็นใจ ปรึกษากับเพื่อนว่าจะเอายังไงกันดี เพราะอาการแบบนี้ตกแน่ๆ ก็เลยตกลงกันว่าจะไม่ไป พอกินข้าวเสร็จก็เลยกลับมาอยู่ที่หอจากนั้นฝนก็ตกไม่ลืมหูลืมตาเลยละครับ ทั้งฟ้าร้อง ทั้งฝนตก ทั้งไฟดับ เหอๆ เล่นเอาซะไม่รู้จะทำยังไง
พอสักพักฝนก็หยุด แต่ไฟก็ยังไม่มาครับ ยังดับอยู่ โทรของน้องผมก็โทรมาชวนไปเดินขึ้นดอย (ตอนนั้นประมาณ 3 ทุ่มกว่าแล้ว) ผมก็ว่าจะไม่ไป แต่.. อยู่หอก็ไม่มีอะไรทำ เพราะไฟดับ ทำงานก็ไม่ได้ เลยตัดสินใจออกไปด้วย..
ระหว่างขับรถไปนั้น รถติดมากๆ ครับ ตำรวจปิดถนนขึ้นดอยครับ ให้รถทุกคันเข้าไปใน มช. หมด เล่นเอารถติดยาวเป็นกิโลมอไชด์ก็ไปไม่ได้ เซ็งมากๆ รถยนต์ไม่ต้องพูดถึงขยับไม่ได้เลยครับ แต่รถจักรยานนี้ผ่านฉลุยเลย เพราะเขาขึ้นไปขับบนฟุตบาท เหอๆ แต่ผมคงไม่เอาไปหรอครับ เอาไปได้แต่ขากลับนี้ ขาไม่ขยับแน่ๆ
จากนั้นก็หาที่จอดรถกันใน มช. ครับ แล้วก็เริ่มเเดินขึ้นไป ถึงจุดพักจุดแรกก็ไหว้ครูบาศรีวิชัยกันก่อนครับ จากนั้นก็ทำการเดินต่อไป.. ระหว่างทางก็หาซื้ออะไรกินกัน ใช่แล้วววครับขออะไรเย็นๆ ไอศกรีมไงละครับ เดินไปด้วยกินไปด้วย มีความสุขจริงๆ
จากนั้นก็เดินๆ เดินๆ แล้วก็เดินๆ เดินไปนานพอสำควรประมาณ เกือบๆชั่วโมงได้ มาถึงจุดพักที่ 4 พระเทศประจำจุดพักที่ 4 ก็เทศว่า..
“โยมท่านใดเดินมาถึง ก็เข้ามารับน้ำมนต์กันได้ พระที่กำลังพรมน้ำมนต์นั้นเป็นมือวางอันดับ 2 ของโลกในการพรมน้ำมนต์”
แหมมม.. เทศซะถูกใจ.. ฮ่าๆ เดินเข้าไปรับน้ำมนต์สักหน่อยก่อนเดินต่อ แต่หลังจากรับน้ำมนต์เสร็จ ท่านก็เทศให้กำลังใจในการเดินต่อว่า..
“จุดพักที่โยมอยู่นี้คือจุดพักที่ 4 มีจุดพักทั้งหมด 14 จุด ฟังแล้วมีกำลังใจกันบ้างไหมละโยมมมม….”
@$%# สุดจะบรรยาย ได้กำลังใจมากมายครับท่าน
จานั้นก็เดินอีก เดินๆ แล้วก็เดิน ระหว่างทางนั้นก็เห็นผู้คนมากมาย บ้างคนก็วิ่งเอา เหอๆ ยอม.. ปล่อยเขาไปเถอะ ทั้งมาเป็นหมู่คณะ เป็นคู่ ฉายเดียวก็มีครับ ที่ผมไม่ค่อยประทับใจคือขยะเยอะมากๆครับ ระว่างเดิน อันนี้น่าจะเป็นเพราว่าเทศบาลไม่ได้เตรียมที่ทิ้งไว้ให้ เพราะที่ทิ้งที่เตรียมไว้ก็เต็มหมด คนเขาคงไม่ถือขยะลงมาทิ้งหรอครับ เพราะขนาดตัวเองยังจะเอาไม่รอด เหอๆ
และแล้วววว ก็เดินมาถึงจุดพักสุดท้าย มองวิวจากข้างบนลงไปที่เมืองเชียงใหม่ สุดยอดมากๆครับ สวยมากๆ ผมไม่เคยเห้นเมืองเชียงใหม่ตอนกลางคืนจากที่สูงมาก่อน งานนี้เล่นเอาหายเหนื่อยไปเลย (ปล. ลืมเอากล้องไป) จากจุดพักจุดสุดท้ายนี้ต้องเดินอีกประมาณ 3 กิโลเมตรครับ จากนั้นก็เดินไปต่อ..
จนกระทั้ง! โอ้ววแม่เจ้าา! ในที่สุด! ในที่สุด! ก็ถึงจนได้้.. เย้! เหนื่อยยครับท่าน เนินจากตรงนี้ขึ้ยไปนั้นสูงมากๆ ครับ
พอถึงก็ขอกินก๋วยเตี่ยวก่อนชามละ 30 บาท ไม่ถูกไม่แพง แต่ไม่อร่อย เย้ย.. พอกินกันเสร็จก็เดินจากข้างล่างขึ้นไปสู่วัดพระธาตุดอยสุเทพกันครับ ขอบอกว่าคนเยอะมากๆๆๆ บบันไดเบียนกันสุดยอด ผมเดินขึ้นไปไม่ได้เลยขึ้นข้างๆ บันไดแทน เร็วกว่า.. แต่ชันมาก กลัวตก เลยโดดข้ามมาตรงบันไดเหมือนเดิม ขายิ่งไม่มีแรงอยู่ด้วย เหอๆ
จากเดินก็เดินไปทางซ่้ายมือ ตีระฆังก่อน จากนั้นก็ไปทรงน้ำพระธาตุ แล้วก็เดินไปชมวิว.. ตรงจุดชมวิว คราวนี้เห็นมุมกว้างกว่าเดิม สวยมากๆ ครับ จากนั้นก็เดินไปเวียนเทียน เห็นเขาถือดอกกัน เบียนกันซื้อ ไม่เอาดีกว่า เดินเฉยๆ ไม่มีดอกก็ได้ พอครบสามรอบก็ไปผูกข้อมือกันครับ จากนั้นก็ไปเข้าห้องน้ำ (เอ้ยย จะบอกละเอียดทำไม.. เหอๆ) แล้วก็ลงมากันครับ ขากลับไม่มีรถขึ้นไปถึงข้างบน ต้องเดินลงมาที่สุดพักที่ 14 จุดสุดท้ายถึงมีรถแดงครับ
ครั้นจะให้เดินก็เท้าบวม เหนื่อย ง่วงนอน ปวดขา #$%@ ฯลฯ ขอขึ้นรถแดงลงมาดีกว่า ค่ารถประมาณ 40 บาทครับ หลับมาตลอดทางลงมา มาถึงโดยไม่รู้ตัว.. เหอๆ กลับถึงหอประมาณ 6 โมงเช้าพอดี งั้มๆ เสร็จสิ้นภาระกิจเดินขึ้นดอย..
นี้เป็นคลิปนะครับ
ความเป็นมาของประเพณีเดินขึ้นดอยสุเทพ
ประเพณี การเดินขึ้นดอยสุเทพนั้น เชื่อว่าคงจะมีการเริ่มกันตั้งแต่การเกิดเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ที่องค์พระบรม สารีริกธาตุ วัดสวนดอกแยกออกเป็น 2 องค์ ทำให้พระเจ้ากือนา กษัตริย์ผู้ครองราชย์สมัยนั้น คิดหาสถานที่ที่จะสร้างวัดขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอีกองค์หนึ่ง จึงทรงทำการเสี่ยงทายในวันวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือน 6 ของปีนั้น ทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคล ถ้าช้างไปหยุด ณ จุดใด ก็จะใช้สถานที่นั้น เป็นที่สร้างวัดเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ช้างเสี่ยงทายเริ่มเดินออกจากวัดสวนดอก บ่ายหน้าขึ้นสู่ดอยสุเทพไปจนถึงยอดชั้นที่ 1 ชื่อดอยหมากขนุน หรือดอยช้างนูน และขึ้นต่อไปถึงยอดชั้นที่ 2 ชื่อ ดอยสนามยอด หรือดอยสามยอด ระหว่างทางช้างเกิดสั่นและหยุดพักช่วงหนึ่ง พระเจ้ากือนาจึงโปรดให้สร้างวัดขึ้น ณ จุดที่ช้างพัก ปัจจุบันคือ วัดผาลาด เมื่อช้างหายเหนื่อยก็ลุกเดินต่อมุ่งหน้าไปจนถึงชั้นที่ 3 ชื่อ ว่า ดอยสุเทพ ซึ่งขณะนั้นมีฤาษีวาสุเทพนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำ ช้างก็ไปหยุดและตายที่นั่น พระเจ้ากือนาจึงทรงให้สร้างวัดพระธาตุดอยสุเทพขึ้นตรงจุดนั้น และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเจดีย์ และในปัจจุบันมีการปั้นรูปช้างอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย
จาก จุดที่ช้างเดินจากวัดสวนดอกไปเรื่อยๆ ทำให้เกิดเส้นทางที่เรียกว่า ด่านช้าง ภายหลังจากที่สร้างวัดพระธาตุดอยสุเทพเสร็จแล้ว พระเจ้ากือนาก็ทรงใช้เส้นทางดังกล่าวนี้เดินขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ จนกลายมาเป็นประเพณีเดินขึ้นนมัสการพระธาตุดอยสุเทพสืบต่อมา ด้วยเชื่อว่าจะทำบุญให้ได้กุศลแรงจะต้องเดินขึ้นไปทำบุญที่วัด
ประเพณีเดินขึ้นนมัสการพระธาตุดอยสุเทพในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 เรื่อยไปจนถึงเช้าของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นประเพณีที่ชาวเชียงใหม่ถือปฏิบัติสืบมาเป็นประจำทุปี เป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นเอกลักษณ์พิเศษของชาวล้านนา
ต่อมาจุดเปลี่ยนแปลงของประเพณีเกิดขึ้นเมื่อปี 2477 เมื่อพระครูบาศรีวิชัยร่วมกับชาวล้านนาสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ เพราะเส้นทางเดิมที่ใช้เดินขึ้นดอยระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ลักษณะเป็นทางเดินเท้า ทั้งสูงชันและคับแคบ ดังนั้นเมื่อเดินทางไปก็จะต้องพักแรมอยู่นมัสการอบรมสมโภชเป็นเวลาหลายวัน ถึงจะเดินทางกลับบ้าน เส้นทางที่ครูบาศรีวิชัยสร้างขึ้นนั้น ได้ชื่อว่า ถนนศรีวิชัย ซึ่งในตอนแรกที่ทำถนนเป็นถนนดินลูกรัง ต่อมามีการปรับปรุงเป็นถนนลาดยางในปี 2524 เมื่อพระธาตุดอยสุเทพเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ
ตามเส้นทางถนนศรีวิชัย ไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพ พระครูบาศรีวิชัยและชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นอีก 3 วัด คือ วัดโสดาบรรณ ปัจจุบันคือวัดศรีโสดา วัดสกินาคามี ปัจจุบันคือวัดผาลาด และวัดอนาคามี โดยวัดอนาคามีได้กลายเป็นวัดร้างในปัจจุบัน
พระ ครูบาศรีวิชัย ได้เปรียบการเดินทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพไว้ว่าเป็นเสมือนการเดินทางไปสู่ การ ตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ของพระพุทธเจ้า โดยเปรียบเทียบวัดพระธาตุดอยสุเทพ คือวัดอรหันต์ ลักษณะการเดินทางจะเดินด้วยเท้า ถือประทีป ธูปเทียน เป็นริ้วขบวนประกอบด้วย พระสงฆ์เดินนำหน้าสวดมนต์ และประชาชนเดินตามหลัง โดยเริ่มขบวน ณ วัดศรีโสดา และนมัสการวัดสกินาคามี และวัดอนาคามี และเดินทางขึ้นไปนมัสการวัดพระธาตุดอยสุเทพ หลังจากนั้นก็บำเพ็ญศีลวิปัสสนา ทำบุญตักบาตรในเช้าวันรุ่งขึ้น แล้วจึงเดินทางกลับ จึงถือว่าได้อานิสงส์แรง หรือได้ทำบุญมาก
ประเพณี การเดินขึ้นดอยในยุคหลังครูบาศรีวิชัย นำสร้างถนนขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยสุเทพ นอกจากจะเป็นการเดินขึ้นไปปฏิบัติธรรม สักการะองค์พระบรมธาตุดอยสุเทพแล้ว ยังเป็นการรำลึกถึงพระคุณแห่งครูบาศรีวิชัย ที่ได้เป็นผู้นำในการสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพนี้อีกด้วย
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
auntyant.multiply.com
tripmuangthai.com
pantown.com (พี่ใหญ่,ภาคีคนฮักเจียงใหม่)
youtube.com (moreschool)
ปีนี้ก็กะจะขึ้นเหมือนกัน
แต่ก็ไม่ได้ขึ้น เพราะเท้านเจ็บจากรถล้ม
อิอิ
แต่ปีที่แล้วก็ได้ขึ้นนะ
เสียดายจังเลย ผมไม่ได้ไป
เห็นสาว ๆ เยอะ ปีหน้าต้องไม่พลาด
ยังไม่เคยไปปเลยครับ
ปี 2553 นี้จะมีงานเดินขึ้นดอยวันที่เท่าไรคับ ( วันศุกร์ที่ 28 พ.ค.เป็นวันขึ้น 15 คำ
คงเดินกันในคืนที่27พ.ค. ใช่หรือไม่คับ )
ขอบคุณคับ
นายไก่
ปีนี้มีคืนวันที่ 27 ครับ
เพิ่งโทรสอบถามข้อมูลงานประเพณีเดินขึ้นดอยสุเทพในวันวิสาขบูชา 2553 กับสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ เขาบอกว่ายังไม่แน่ใจว่าจะยกเลิกไหมนะครับ เดียวจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมครับ [25-5-2553]
แจ้งข่าวคืบหน้างานประเพณีเดินขึ้นดอยสุเทพ ปี 2553 ปีนี้มีการจัดงานแน่นอน แต่ผู้ที่จะเข้าร่วมงานต้องลงทะเบียนขออนุญาติอยู่เกินเวลาเคอร์ฟิวก่อน (ส่วนวิธีการลงทะเบียนเจ้าหน้าที่ยังประชุมกันไม่เสร็จ) [26-5-2553]
สนใจอยากจะเดินขึ้นดอยสุเทพ แต่ยังไม่ได้ลงทะเบี่ยนรายชื่อเลย แล้วจะเดินขึ้นได้ไหม ?? แล้วถ้ายังลงทะเบียนได้อยู่ ไปลงทะเบียนตรงจุดไหน คร่ะ ช่วยตอบคำถามด้วยนะคร่ะ ด่วน!!!
เรื่องนั้นผมไม่ทราบจริงๆ ครับ แต่พบบัตรประชาชนไปด้วยนะครับ คิดว่าเขาคงไปเปิดโต๊ะรับลงทะเบียนที่นูนละครับ งั้นนักท่องเที่ยวคงต้องกลับต่างประเทศไปขออนุญาติก่อนซะละมั่ง