สวัสดีทุกๆ ท่านที่ติดตาม Blog Sutenm.com ครับ เป็น Blog ที่รวมเรื่องราวต่างๆ ในการท่องเทียวที่ผมได้ไปเทียวจริงๆ มารีวิวให้อ่านกันครับ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องที่ไปเทียวญี่ปุ่นอีกรอบครับ เพียงแต่รอบนี้ไม่ได้ไปที่โตเกียวครับ รอบนี้ได้ลงที่นาโกย่า ซึ่งหากใครอยากอ่านเรื่องราวที่พาลูกไปเทียวโตเกียวอ่านได้ที่นี้นะครับ โดยรอบนี้เป็นการไปเทียวที่เรียกว่ามีประสบการณ์แตกต่างจากการไปเทียวญี่ปุ่นครั้งแรกพอสมควรแต่มันมีรายละเอียดที่พ่อแม่ทุกคนต้องศึกษาอีกเยอะมากๆ ก่อนไปเทียวครับ มาดูกันว่าผมจะมีอะไรแนะนำคุณพ่อคุณแม่ทุกๆ ท่านยังไงกันบ้างนะครับสำหรับการออกทริปไป Nagoya ครั้งนี้ ไปดูกันเลย
ในการเทียวครั้งนี้เป็นช่วงวันที่ 25 มีนาคม – 3 เมษายน 2022 ครับ รวมทั้งหมด 10 วันได้ แต่เนื่องจากผมต้องนั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่ไป-กลับดอนเมืองอีกเลยต้องบวกวันเดินทางเพิ่มทั้งวันไปและกลับอีก 2 วันครับ รวมทั้งทริปใช้เวลาทั้งหมด 12 วันได้ คือเรียกว่านานสุดๆ ไปเลยบครับ โดยรอบนี้มีพี่สาวไปด้วยอีก 2 คนครับ ซึ่งการเตรียมตัวเรื่องการวางแผนการเทียวไม่ต้องรอบคอบมากจนเกินไปครับเพราะเวลาเทียวเหลือเยอะสุดๆ ช่วงที่ผมไปนี้เป็นช่วงซากุระกำลังจะบานครับ โดยพยากรณ์จากเว็บญี่ปุ่นเขาบอกว่าซากุระจะบานตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม -3 เมษายนโดยประมาณครับ แต่ตอนผมไปถึงนาโกย่านั้นมันกำลังจะบานครับ ทริปที่วางไว้ว่าจะไปดูซากุระวันแรกๆ ต้องเลื่อนมาวันท้ายๆ แทนครับ แต่ก็ยังได้เห็นความงามของต้นซากุระอยู่ คุ้มค่าจริงๆ ครับ ซากุระที่นาโกย่าสวยงามไม่แพ้ที่ใดในญี่ปุ่นเลย นอกจากนี้ได้ขับรถเทียวไปยังเส้นทางต่างๆ นั้นได้พบกับความประทับใจอีกมากมายครับ จัดได้ว่าเป็นทริปที่อยู่ในใจของผมตลอดไปอีก 1 ทริปแน่นอน
สายการบินที่บิน
ครั้งนี้ผมได้นั่งเครื่องจากเชียงใหม่มาลงดอนเมืองและได้พักที่ดอนเมือง 1 คืนครับนอนโรงแรมใกล้ๆ สนามบินเลยเพราะต้องตื่นไปเช็คอินตั้งแต่ตี 5 ครับ เพื่อเดินทางไปนาโกย่า ผมได้เลือกใช้บริการของ Lion Air ครับซึ่งเปิดเส้นทางใหม่มานาโกย่าในเดือนมีนาคมนั้นเลย จริงๆ มันดูเหมือนไม่มีอะไรนะครับ แต่เดือนนั้นเป็นเดือนที่เครื่องบิน Boeing 737 MAX 8 ตกครับเลยทำให้สายการบินของ Lion Air ที่มีเครื่องบินของ Boeing 737 MAX 9 โดนผลกระทบไปด้วยต้องระงับการใช้งาน ตอนนั้นก็มีข่าวออกมามากมายรวมถึงผู้โดยสารทั่วไปที่รู้ข่าวมาว่าจะได้นั่ง Boeing 737 MAX 9 ไปนาโกย่ากลัวกันมากเลย แต่ดีที่เขาระงับการใช้งานไปก่อนเพื่อรอการตรวจสอบเลยทำให้รู้สึกสบายใจ จริงๆ เรื่องนี้ผมเขียนไว้ค่อนข้างละเอียดมากในโพสนี้นะครับ หากใครสนใจลองเข้าไปอ่านได้ครับ ส่วนตัวผมเองนั้นไม่ค่อยกลัวเท่าไรเพราะมั่นใจในนักบินครับ กลับมาเรื่องการนั่งเครื่องครับ ครั้งนี้ผมได้อัพเกรดที่นั่งเป็นพรีเมียมครับเสียเงินไป 400 บาทแลกกับที่นั่งกว้างกว่าเดิมนิดหนึ่งเรียกว่าสบายสุดๆ เลยครับ พอมีลูกเราไปด้วยการได้นั่งที่นั่งกว้างๆ ช่วยเราได้เยอะมากครับเพราะต้องนั่งเครื่องประมาณ 7 ชม. เราต้องการพื้นที่ส่วนตัวให้กับเขา โดยในตอนเครื่องขึ้นและลงก็ไม่พบปัญหาอะไรครับ น้องไม่ร้องไห้งอแง้ครับ เพราะผมเตรียมตัวมาดีครับ หากใครยังไม่เคยพาลูกขึ้นเครื่องบินควรอ่านบทความนี้ที่สุดครับเพราะผมสรุปวิธีการแก้ปัญหาเรื่องเด็กขึ้นเครื่องบินไว้หมดแล้ว การบริการของสายการบินก็ไม่มีอะไรมากครับนอกจากแซนวิชอันหนึ่งกับน้ำดื่มครับ เราไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วครับรอบนี้เพราะตั๋วราคาประหยัดมาก ตลอดการเดินทางก็เรียบง่ายดีครับไม่มีปัญหาอะไรจนถึงจุดหมายปลายทาง และวันกลับทั้งการเช็คอินและนั่งเครื่องกลับก็สะดวกสบายกว่ามากเพราะขากลับเป็นเครื่องใหญ่ครับ ผมได้อัพเกรดที่นั่งเป็นพรีเมียมแถวหน้าสุดครับเสียเงินไป 800 บาท และอัปอัพเกรดที่นั่งเป็นพรีเมี่ยมให้พี่สาวที่มาด้วยกันแถวหลังเสียเงินไป 400 บาท ตรงนี้ตลกมากที่นั่งเท่ากันเลยครับ แค่ข้างหน้าได้พื้นที่ความกว้างเพิ่มขึ้นมาแค่นั้นเองพอไปนั่งแล้วไม่รู้สึกถึงความแตกต่างกันเลยครับ ซึ่งขากลับการบริการก็ดีเหมือนเดิมครับ อาหารก็เหมือนเดิมครับ รอบนี้ผมเลยทานข้าวที่สนามบินนาโกย่ามาเลย แต่หิวข้าวอีกรอบบนเครื่องเลยจัดมาม่าคัพไปครับ ราคาโอเคพอรับได้อยู่ หลังจากถึงดอนเมืองก็ไม่มีปัญหาอะไร
การเตรียมสัมภาระก่อนเดินทาง
การเตรียมตัวของผมนั้นแยกกระเป๋าเป็น 3 ใบครับ คือกระเป๋าเป้ 1 กระเป๋าลากอีก 2 ใบ รถเข็น 1 คัน โดยใบ 1 จะเตรียมของเอาไว้แกะใช้งานที่กรุงเทพคืนวันก่อนเดินทางไปนาโกย่า เนื่องจากวันเทียวเราค่อนข้างยาว คือทั้งทริปราวๆ 12 วันได้ เลยทำให้กระเป๋าต้องเยอะตามไปด้วยคือเราต้องใช้กระเป๋าลาก 2 ใบพร้อมกระเป๋าเป้ 1 ใบ พอไปถึงกรุงเทพกระเป๋าลากด้ามจับพังไป 1 อันด้วยครับ แต่ยังดีที่พอใช้งานได้เลยไม่ซื้อใหม่ น้ำหนักกระเป๋านี้อัดเต็มเลยเท่าที่จะพกไปได้เลยเพราะเราจะไปเล่นหิมะด้วยและช่วงที่เราไปอากาศก็ค่อนข้างหนาวมาก เลยต้องพกเสื้อกันหนาวของพ่อและแม่รวมถึงของลูกไปหลายชุด รวมถึงยารักษาโรค ของใช้ต่างๆ ด้วยที่พกไปจัดเต็มมากเนื่องจากมีประสบการณ์จากครั้งที่แล้วครับ ผมขอแยกเป็นหัวข้อย่อยไปนะครับเพื่อความละเอียดครับ
1. รถเข็น
นอกจากนี้ยังมีรถเข็นอีกอันครับที่เป็นภาระสุดๆ ครับ ผมจะบอกเลยว่าอันเก่าที่เคยใช้เมื่อคราวก่อนที่มาญี่ปุ่นดีกว่านี้เยอะครับ ด้วยความที่ว่าอยากเปลี่ยนใหม่เพราะกลัวอันเก่าจะพัง เลยซื้ออันถูกๆ มาไม่ถึงพันบาทจาก Marketplace แห่งหนึ่งกลายเป็นว่าไปถึงญี่ปุ่นนี้อยากซื้อใหม่เลย เพราะล้อมันไม่ดีมากตอนไถ่ต้องออกแรงเยอะกว่าปกติ , ล้อมันไม่สามารถไถ่ขึ้นเนินหรือคลื่นสูงได้เลยต้องยกรถเข็นลูกเดียว , ด้ามจับเป็นแบบถือสองข้างถึงจะไถ่ไปได้บอกเลยว่าต้องใช้พลังเยอะมากๆ ครับ ในการไถ่ตามปกติเดินก็ก็เยอะอยู่แล้วยังมาเจอรถเข็นไถ่ยากอีกเหนื่อยสุดๆ เลยเลยครับ ลองดูภาพข้างล่างดูครับได้ว่าอันเก่า(รูปขวา)กับอันใหม่(รูปซ้าย)ที่ใช้แบบไหนครับจะได้ไม่ต้องซื้อมาใช้ไปทริปญี่ปุ่น แบบเก่าไม่ใช่ไม่ดีมากๆ นะครับ พอใช้งานได้เหมาะใช้ในประเทศมากกว่าครับแต่ไม่ควรเอาไปใช้ญี่ปุ่น
หากใครสนใจลองเดินหาได้ตามห้างนะครับเอาแบบดีๆ ไปเลยลงทุนนิดหน่อยครับลองทดสอบลากดูด้วยครับ ให้น้องขึ้นไปนั่งถามน้องว่านั่งสบายไหม และถ้ามีจุดที่เป็นคลื่นสูงๆ ลองลากซ้ำๆ ไปๆ มาๆ ได้ครับ เพราะอันสีแดงรูปซ้ายมือนั้นลูกผมบอกว่าลากเร็วๆ แล้วเวียนหัวด้วยครับเพราะมันไม่มีตัวลดแรงกระแทก เปรียบเหมือนกับรถก็คงบอกได้เลยว่ารูปซ้ายมือคือ Eco Car ขวามือคือรถ Sport ครับ เอาเป็นว่าพอเรื่องรถเข็นไว้เท่านี้ก่อนครับคิดว่าคงเข้าใจกันแล้วว่ามันสำคัญแค่ไหน
2. เสื้อผ้ารองเท้า
การไปเทียวของเรา เราได้เช็คสภาพอากาศก่อนไปครับเลยรู้ว่าที่นาโกย่าค่อนข้างหนาวมากๆ เลยเตรียมเสื้อกันหนาวหนาๆ ไปและเป็นเสื้อกันลมด้วยครับเพราะลมที่นาโกย่าแรงมากๆ จนยืนแทบไม่ได้เลย อากาศหนาว + ลมแรง หนาวไปถึงกระดูกเลยครับ รองเท้าผมใช้ Adidas Ultra Boots ครับที่เหมาะกับการเดินเป็นที่สุด ส่วนเสื้อผ้าเราเอาชุดไปเผื่อประมาณ 8 วันได้ครับ ที่เหลือไปซักเอาที่เครื่องซักผ้าของโรงแรมแทน สุดท้ายใช้เสื้อผ้าจริงๆ แค่ 4 วันครับเพราะซักผ้าทุก 3 วันเลย เพราะการซักผ้าไม่ได้ลำบากเลยครับ โดยมากเครื่องซักผ้าหยอดเหรียนจะอยู่เกือบทุกโรงแรมอยู่แล้ว
3. ยารักษาโรค
ผมขอแยกออกมาเป็นอีกหัวข้อเพราะอยากแนะนำเรื่องการพกยาไปครับ อย่างแรกเราต้องคิดถึงความเป็นไปได้ครับว่าเราจะเป็นโรคอะไรบ้าง เช่น ไม่สบายตัวร้อน , มีน้ำหมูก , ไอ , อาหารเป็นพิษ เป็นต้น เราก็เตรียมยาสำหรับรักษาโรคนั้นๆ ไปด้วยเลยครับ จริงๆ ยาหลายๆ อย่างที่บอกของผู้ใหญ่มันมีขายหมดเลยครับ แต่ยารักษาโรคของเด็กเป็นอะไรที่หาค่อนข้างยากกว่าปกติเลยอยากให้เตรียมไปเฉพาะเลย จะได้ไม่ต้องเดินหากันเหนื่อย
4.ของใช้ทั่วไป
ของเล่นเราจะไม่ได้พกไปเพราะจะไปซื้อที่ญี่ปุ่นเลย เลยเอาไปแค่ตุ๊กตาที่เขาชอบและหนังสือนิทานไม่กี่เล่มเท่านั้น แค่นี้กระเป๋าลากของเรารวมสองใบน้ำหนักก็ไปที่ 40 กก.แล้วครับ ไหนจะเป้ที่หนักเกือบๆ 8 กก. ด้วย หนักสุดๆ ครับ แต่เรายังไปกันได้ครับเพราะมีผู้ร่วมทริปมาช่วยเหลือช่วยกันยกช่วยกันลาก โดยรวมของใช้ทั่วไปจะขึ้นอยู่กับความจำเป็นครับ ลองตรวจสอบดูให้ดีก่อนเก็บเข้ากระเป๋าก็พอแล้วครับ สุดท้ายจะลืมอะไรก็ได้ครับแต่อย่าลืม Passport เด็ดขาดไม่งั้นอดไปเทียวครับ ตรวจสอบ Passport ของเราให้ดีด้วยครับว่าหมดอายุเมื่อไร ห้ามให้อายุน้อยกว่า 6 เดือนเป็นอันขาดครับ ตอนไปเทียวก็อย่าไปปั๊มตัวการ์ตูนลงบน Passport นะครับไม่งั้นจะใช้งานไม่ได้เลย ให้พกสมุดพกแยกไปปั๊มแทนครับ
การเตรียมความพร้อมของลูก
เนื่องจากลูกตอนนี้อายุใกล้ 4 ขวบแล้วเลยเรียกว่ารู้เรื่องค่อนข้างเยอะแถมบ้านเราเทียวบ่อยด้วยครับการเดินทางไปต่างจังหวัดหรือไปเทียวต่างประเทศสำหรับเราและลูกเป็นอะไรที่สนุกมากครับ แต่กว่าเราจะฝึกเขาขนาดนี้ได้เราก็ต้องผ่านประสบการณ์มาหลากหลายแบบเช่นกัน เราอยากแชร์ครับว่าควรเตรียมอะไรบ้างเพื่อให้ลูกไปเทียวต่างประเทศจะได้ไม่ติดขัด
- ฝึกนั่งรถเข็นเด็ก หากเด็กไม่ยอมนั่งเลยเราต้องอุ้มเขาเดินซึ่งระยะทางในการเดินแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 6 โลสักวันเลย เรียกว่าหนักสุดๆ ครับ
- ฝึกนั่งเครื่องบิน หากเด็กไม่เคยนั่งเครื่องบินเลยการนั่งเครื่องไปต่างประเทศครั้งแรกจะเป็นทริปที่หนักสุดขีดแน่นอนเพราะเราจะไม่รู้วิธีการดูแลและรับมือกับลูกในตอนขึ้นเครื่องบิน แนะนำให้บินในประเทศก่อนดีกว่าครับเพื่อเรียนรู้ว่าเราต้องรับมือกับเขายังไงตอนขึ้นเครื่องบิน หากเด็กชอบทำเสื้อผ้าเลอะง่ายอย่าลืมเตรียมขึ้นไปเผื่อไว้เปลี่ยนเครื่องบินด้วยนะครับ
- ฝึกนั่ง Car Seat การนั่ง Car Seat จะช่วยให้เด็กปลอดภัยได้ในตอนที่เกิดอุบัติเหตุตรงนี้ยังไงก็ต้องนั่งครับ
- ฝึกนั่งรถไฟ การนั่งรถไฟดูเหมือนไม่มีอะไรมากครับ ส่วนมากเด็กจะชอบกันอยู่แล้ว แต่จะติดตรงที่มันนั่งนานครับเราต้องเตรียมของเล่นหรือกิจกรรมให้เขาทำด้วยในระหว่างที่นั่งนานๆ แต่ถ้านั่งรถไฟต่างสถานีกันไม่นานก็ไม่มีปัญหาครับ
- ฝึกไม่อยู่บ้านหลายๆ วัน อันนี้จะบอกเลยครับว่าใครเลี้ยงลูกโดยที่ให้ตากับยายช่วยเลี้ยงจะเกิดปัญหาคือถ้าตากับยายไม่ไปด้วยมีร้องไห้คิดถึงตากับยายครับ แต่บางครั้งเขาก็ร้องไห้คิดถึงบ้านเช่นกัน ตัวผมไม่ได้ทำอะไรมากเพราะถ้าเขาได้เทียวสนุกสุดท้ายก็ลืมตากับยายหรือบ้านเอง
- ฝึกสมาธิเด็ก หากเด็กมีสมาธิในตอนนั่งเครื่องบินเด็กจะสามารถทำกิจกรรม 1 กิจกรรมได้นานมากขึ้นครับ พยายามให้เขาลองนั่งเล่นของเล่นอะไรก็ได้นานๆ หรือให้หัดให้เขาสงบจิตใจเป็นครับ โดยจะไม่ได้ผลกับเด็กที่ต่ำกว่า 2 ขวบครับ เพราะเขายังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยนั้นเอง
แผนการเทียว
สำหรับแผนการของผมเริ่มจากการค้นข้อมูลจาก Google Travel Guide ก่อนเลยครับ แต่หลายคนจะเริ่มที่ pantip.com ขึ้นอยู่กับความสะดวกเลยครับ ผมชอบที่จะอ่านรีวิวจากหลายๆ คนที่เคยไปมากกว่าอ่านความเห็นของคนไม่กี่คนครับ นอกจากนี้ Google Travel Guide ยังแสดงแผนที่ของ Google Map ด้วยครับ ทำให้เราได้วางแผนการเดินทางไปพร้อมๆ กันได้ด้วย โดยสรุป Google Travel Guide
– สามารถแสดงข้อมูลพื้นฐานของเมืองได้
– Things to do แสดงสถานที่โดยดึงข้อมูลจาก Google Map
– Suggested day plans ดูแผนการเทียวแบบ 1 วัน , 5 วัน , 7 วันได้เลยไม่ต้องคิดเอง
– Travel videos ดูรีวิวบนวีดีโอจาก Youtube ได้
– เช็คสภาพอากาศในแต่ละเดือนได้
– เช็คที่พักได้
ส่วนแผนการวางแผนการเทียวของเรานั้นจะ List สถานที่ๆ ต้องการจะไปมาก่อนครับ หลังจากได้มาครบเราถึงวางแผนว่าจะไปที่ไหนก่อน , หาที่พัก , คิดวิธีเดินทาง ประมาณนี้ครับ ลองดูมาดูของผมได้เลยครับ
วันที่ 25 มีนาคม 2022
วันแรกที่ถึง Chubu Centrair Airport ที่ญี่ปุ่นประมาณ 4 โมงเย็นหลังจากนั้นก็นั่งรถไฟเข้าที่พักโดยเราเลือกที่พักอยู่ที่แถว Sakae เลยต้องนั่งรถไฟสองต่อเพื่อไปยังที่พัก หลังจากเช็คอินเราได้ไปหาข้าวกินที่บนห้าง Sunshine Sakae อันมีชิงช้าสวรรค์เป็นจุดเด่น (ลูกสาวจะขึ้นให้ได้แต่ยังไม่ให้ขึ้น) มือแรกเราก็จัดเนื้อย่างเลยครับร้านชื่อร้านอะไรก็ไม่รู้ครับเป็นภาษาญี่ปุ่นอร่อยมาก แล้วก็เดินเทียวบนห้างนี้ต่อและเดินไปอีกฝั่งเทียวดองกี้ จากนั้นก็กลับที่พักพักผ่อนกันครับเพราะเหนื่อยจากการเดินทางและอากาศข้างนอกหนาวมาก
วันนี้เดินไปทั้งหมด 5.5 km
วันที่ 26 มีนาคม 2022
วันนี้เรามีทริปต้องไป Port of Nagoya , Legoland และ nabana no sato เลยตัดสินใจเช่ารถเอาเพราะค่าเช่ามันแพงกว่าค่านั่งรถไม่เยอะมากจนเกินไป (เรามากันทั้งหมด 4 คนไม่รวมเด็ก)และการนั่งรถใช้เวลาค่อนข้างมากอาจจะทำให้เราที่มีเด็กไปด้วยเทียวไม่ครบตามแผนที่วางไว้ เราก็เลือกเช่ารถกับ nippon rent-a-car โดยต้องเดินไปเอารถที่ Nagoya Sakae เดินไปประมาณ 1 โลได้ เรียกว่าทรมานสุดๆ เพราะอากาศเช้าๆ หนาวมาก ถึงได้รับรถก็ไป port of nagoya เลย แต่ดันไปจอดรถที่รถจอดเสียเงินทั้งๆ ที่ port of nagoya ก็มีที่จอดฟรีอยู่แล้ว (พลาดเสียเงินโดยใช่เหตุ)
ที่ port of nagoya นี้น้องกะทิสนุกมากกับการดูปลาในตู้กระจก น้ำใสสะอาด ปลาสุขภาพดีรู้สึกใกล้ชิดกับปลาสุดๆ เลย แถมมีการแสดงปลาโลมาให้ดูตื่นตาตื่นใจดีแท้ๆ แต่ … การแสดงแบบนี้ที่ประเทศไทยมีค่อนข้างเยอะครับ (จะขัดทำไม…) จริงๆ ผมจะบอกว่าถ้าหากเวลาเราไม่พอที่จะมาเทียวที่นี้ก็ข้ามได้ครับ สำหรับผู้ใหญ่ไม่ค่อยเท่าไรครับ
จากที่นี้เราก็ไปต่อ Legoland ใช้เวลาขับรถไม่นานมากประมาณ 20 นาที ที่ Legoland นี้เราใช้เวลาจนมึดเลยครับ เพราะน้องกะทิชอบที่นี้ที่สุด ซึ่งหลังจากที่ไปเทียวที่อื่นๆ มาอีกหลายที่เขาก็ยังนึกถึงแค่ที่นี้ครับ ที่นี้เป็นสถานที่เหมาะกับเด็กเป็นที่สุดเลย เครื่องเล่นแทบจะทุกอย่างเขาเตรียมไว้สำหรับเด็กจริงๆ มีของเล่นของผู้ใหญ่เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น หลังจากนั้นก็ได้ทานข้าวที่ Legoland นี้เลยครับเป็นร้านข้าวหน้าปลาไหลชื่อร้าน ” だるまうなぎ 金城ふ頭店” อร่อยมากสมคำร่ำลือจริงๆ ว่ามาที่นาโกย่าต้องกินข้าวหน้าปลาไหล
จบที่นี้เราไปต่อที่ nabana no sato ทันทีเพราะเวลาเริ่มค่ำแล้วและใกล้เวลาคืนรถแล้วด้วยที่ nabana no sato ตอนไปถึงเวลากลางคืนและมี Light up ด้วยแล้วเป็นที่ๆ สวยอลังการเป็นที่สุดเลยครับ มีการแสดงไฟด้วย การตกแต่งไฟของที่นี้ทำได้โดดเด่นมากๆ จนอยากใช้เวลาอยู่นานๆ แต่เสียดายตรงที่ต้องคืนรถเลยไปเทียวที่นี้เพียงแค่ชั่วโมงเดียว แถมยังเจอซากุระบานเต็มต้นส่องไฟด้วยเป็นช่วงเวลากลางคืนที่สวยสุดๆ ที่เคยเจอมาเลย แต่ที่นี้เวลากลางคืนอากาศเย็นมากๆ ครับหากต้องมาเทียวต้องเตรียมเสื้อกันหนาวหนาๆ เผื่อไว้ด้วยครับสำหรับที่นี้ หลังจากเทียวที่นี้แบบชนิดที่ว่าต้องวิ่งเทียวเสร็จก็ต้องรีบกลับมาคืนรถที่เดิมให้ทันเวลา จากนั้นก็เดินกลับที่พักและหาอาหารที่ร้านสะดวกซื้อกลับไปทานที่ห้องเพราะอากาศข้างนอกหนาวเกินไป ไม่อยากไปเทียวที่ไหนกันต่อแล้ว
วันนี้เดินทั้งหมด 13.8 km
วันที่ 27 มีนาคม 2022
วันนี้เรามีแผนจะเช่ารถขับไป Kawaguchigo ซึ่งเราต้องไปรับรถที่ toyota rent a car ตรงสถานีใหญ่นาโกย่าเลย โดยกว่าจะหาจุดรับรถเจอเราต้องวนหาจุดรับรถไม่ต่ำกว่า 3 จุดเลย ของ toyota rent a car มีเยอะมากๆ ไปผิดจุดที่ก็ขอรถไม่ได้เขาไม่ยอมให้ กว่าจะได้ออกจากนาโกย่าได้ก็เกือบบ่ายโมง แผนการขับรถเทียวหลายๆ ที่ระหว่างทางเป็นอันต้องลดสถานที่เทียวลงมาเหลือแค่ที่ Miho beach และ ไร่ชานิฮนไดระ
ที่ Miho beach หาดทรายสีดำนั้นลมแรงมากๆ และอากาศหนาวด้วย พอลมมาแรงๆ เราอยู่ที่หาดจะโดนทรายปริ้วใส่หน้าเต็มๆ เลย น้องกะทิไม่ไหวต้องรีบวิ่งกลับขึ้นมาจากหาดเลย เป็นสถานีเทียวที่ไม่ค่อยเหมาะกับเด็กเท่าไร หลังได้ชมบรรยกาศแปปหนึ่งเราก็ขับรถไป ไร่ชานิฮนไดระ แต่เนื่องจากหลงทางและหาไม่เจอ และเรากลัวเสียเวลามากจนเกินไปเลยตัดสินใจไม่หาต่อแล้วเดินทางไป Kawaguchigo ซึ่งกว่าจะถึงก็เกือบมึดพอดี แต่ระหว่างทางที่เราขับรถไปเรื่อยๆ ก็ได้เห็นวิวบรรยากาศภูเขาไฟภูจิยามเย็นด้วย เป็นภาพที่ประทับใจมากจริงๆ มือเย็นนั้นเราได้ไปร้านอาหารญี่ปุ่นตามคำแนะนำของเจ้าของที่พัก โดยที่พักเราได้พักที่ Lake Kawaguchigo ที่เดิมเมื่อปี่ที่แล้วที่เคยมาเพราะประทับใจที่พักนี้มาก โดยเจ้าของที่พักได้แนะนำร้านอาหารชื่อ “Totoyamichi” ร้านอร่อย ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นจริงๆ เลย
วันนี้เดินทั้งหมด 4.5 km
วันที่ 28 มีนาคม 2022
แผนวันนี้คือขับรถไป Hirayu Onsen แต่ก่อนจะไปเราจะไปเทียว Saiko Iyashi no Sato Nemba และปราสาทมัตสึโมโต้ โดยเช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยการทำอาหารง่ายๆ ทานในที่พักเสร็จแล้วก็ไปเดินชมภูเขาไฟฟูจิบริเวณใกล้ๆ ที่พักจากนั้นก็ขับรถไฟดูจุดชมภูเขาไฟฟุจิวิวสวยๆ อย่าง Oishi Park และมีขนมของกินให้ซื้อทานเล่น แล้วผ่านไปเทียวหมู่บ้านโบราณ Saiko Iyashi no Sato Nemba ที่นี้ได้เห็นบรรยากาศบ้านเก่าสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมกับวิวภูเขาไฟฟูจิอยู่ไกลๆ สวยไปอีกแบบเลยครับ
จากนั้นก็ขับรถข้ามเมื่อไปบังเอิญระหว่างทางเจอพุ้มดอกซากุระบานเลยแวะถ่ายรูปกัน
หลังแวะถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็เดินทางกันไปยังปราสาทมัตสึโมโต้กันต่อเลย โดยหวังไว้ว่าจะเจอซากุระบานเต็มๆ เหมือนตรงจุดแวะข้างทาง แต่ไปถึงก็ผิดหวังหน่อยเพราะยังไม่บานเต็มที่ เลยถ่ายรูปรอบๆ ปราสาทมัตสึโมโต้พร้อมกับเดินเทียวนิดหน่อยแล้วก็ออกมาก่อนเข้าไปเทียวเจอลุงยามทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นมิตรมากๆ ด้วยประทับใจจริงๆ
ก่อนจะออกจากเมืองมัตสึโมโต้เราก็แวะห้างกันเล็กน้อยเพื่อซื้ออาหารขึ้นไปทานบนที่พักเพราะได้ยินมาว่ากลางคืนไม่ค่อยมีร้านค้า ขับรถไปเรื่อยๆ จากวิวบ้านญี่ปุนธรรมดาๆ ก็เข้าสู่เขตภูเขาเริ่มมีต้นไม้ริมทาง ขับไปเรื่อยๆ เริ่มเจอหิมะปกคลุมริมเขา จากนั้นก็กลายเป็นภูเขาทั้งลูกปกคลุมด้วยหิมะ และมีหิมะตกลงมาเบาๆ ระหว่างทางขับรถทำให้ผมและทุกๆ คนตื่นเต้นละมีความสุขมากๆ ที่เจอภาพสวยงามแบบนี้ พอขับรถจนถึงที่พัก Hirayu Onsen เหมือนภาพในความฝันเลย ทรงบ้านสวยงามสไตล์ญี่ปุ่น หิมะปกคลุมเบาๆ แสงไฟตกแต่งพองามและมีหมาชิบะนั่งอยู่ข้างๆ บ้าน เป็นที่พักที่ผมประทับใจมากที่สุดแล้วในทริปนี้เพราะในที่พักมีออนเซ็นให้เราได้ผ่อนคลายด้วย นอกจากนี้ยังมีครัว , เครื่องซักผ้า,โต๊ะปิงปอง, เครื่องนวด และอื่นๆ อีกมากมาย ที่นี้เป็นที่พักที่น้องกะทิได้ลองแช่ออนเซ็นเป็นครั้งแรกด้วยครับ กลายเป็นว่าเขาชอบใจมากๆ แช่นานกว่าพ่อแม่ซะอีก เราต้องห้ามเขาไว้แทนไม่ให้แช่นานจนเกินไป จากนั้นก็มาปูที่นอน นอนกันแบบสไตล์ญี่ปุ่น จบทริปวันนี้ประทับใจที่สุด
วันนี้เดินทั้งหมด 6.0 km
วันที่ 29 มีนาคม 2022
วันนี้กำหนดการคือย้ายไปนอนที่เมือง Takayama โดยทริปวันนี้คือไปเทียว Shinhotaka Ropeway เพื่อไปเล่นหิมะ เช้านี้เลยใส่ชุดกันหนาวแบบจัดเต็มมาก โดยก่อนออกจาก Hirayu Onsen เราก็ได้ทานข้าวตรงสถานีและกินกาแฟในเมืองเล็กๆ ที่น่ารักแห่งนี้ก่อนออกไป เป็นเมืองที่ประทับใจจริงๆ หากมีโอกาศอนาคตคงกลับมานอนอีก จากนั้นก็ขับรถตรงไปยัง Shinhotaka Ropeway เลยแต่ขับรถหลงทางหน่อยเพราะ GPS พาไปหลงหากใครขับรถไปออกจากเมื่อนี้ไป Takayama ควรตรวจสอบเส้นทางให้ดีก่อนเดินทางนะครับ ซึ่งระหว่างทางน้องกะทิก็หลับไปจนถึงปลายทางก็ได้เวลาออกไปป่วนพอดี ที่นี้เราต้องทำให้ร่างกายอบอุ่นมากที่สุดเพราะจะเจอหิมะ โดยต้องซื้อตั๋วขึ้น Ropeway และรอเวลาสักครู่ไม่เกิน 15 นาทีก็ได้ขึ้น ระหว่างทางที่ขึ้น Ropeway ขั้นแรกยังไม่เจอวิวสวยงามเท่าไรและต้องลงเพื่อขึ้น Ropeway ขั้นที่ 2 ต่อหลังจากตรงนี้มันคือที่สุดของที่สุดวิวที่สวยงามอลังการมากจริงๆ แต่ด้วยจำนวนคนที่ขึ้นมาบน Ropeway ด้วยกันเยอะและผมต้องอุ้มลูกด้วยเลยยกมือถือมาถ่ายรูปเก็บมุมสวยไม่ได้ (หากใครกลัวความสูงไม่ต้องห่วงครับ รับรองได้ว่าวิวมันสวยจนลืมความกลัวแน่นอน)
พอมาถึงข้างบนก็เจอพายุหิมะถล่มเข้ามาพอดีเลย ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แต่ก็สนุกมากเพราะเรายังไม่เคยเห็นพายุหิมะมาก่อน โดยเฉพาะน้องกะทิที่ออกมาวิ่งเล่นปั่นตุ๊กตาหิมะเป็นโอราฟตัวการ์ตูนจาก Forzen ที่เขาชอบมาก แถมปั่นหิมะปาใส่พ่อกับแม่สนุกเลยดังที่เขาตั้งใจไว้ว่าจะเล่นกับพ่อและแม่แบบนี้ เป็นอีกหนึ่งความฝันที่เราทำให้เขาสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
หากใครหนาวจนทนไม่ไหวสามารถหลบเข้าข้างในตึกได้จะมีเตาร้อนๆ ให้นั่งผิงไฟอยู่และมีอาหารให้บริการน่าทานทุกอย่างเลย แต่ราคาจะแพงหน่อย
หลังเทียวที่นี้จนอิ่มแล้วเราก็กลับลงไปข้างล่างโดยขานั่ง Ropeway กลับลงไปเป็นช่วงที่ฟ้าเปิดเลยเห็นวิวที่สวยยิ่งกว่าขาขึ้นคือภูเขาสุดลูกหูลูกตา ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นภาพวิวที่ประทับใจที่สุดในการเดินทางมาเทียวญี่ปุ่นครั้งนี้เลยแต่เสียดายที่ต้องอุ้มลูกลง Ropeway ทั้งสองมือเลยยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไม่ได้เลยหลังจากนั้นเราเดินทางไป Takayama, Gifu กันต่อเลย เราขับรถไปถึงกันประมาณ 4 โมงเย็นของประเทศญี่ปุ่น โดยคืนนี้เราพักที่ WAT Hotel & Spa Hida Takayama หลังถึงที่พักและเก็บกระเป๋าเสร็จเราไปเดินเทียวหาร้านอาหารกินกัน โดยเป้าหมายของเราคือเนื้อฮิดะจึงเดินวนหาร้านทานกัน แต่สุดท้ายกลับมาจบที่ Ajikura tengoku ที่เราเจอตั้งแต่แรก ที่เราเลือกร้านนี้ก็เพราะรีวิวบน Google Map นั้นเยอะที่สุดในบริเวณนี้แล้ว จึงคิดว่าเป็นร้านที่ดังที่สุด มาถึงก็ต้องรอคิว เรารออยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงได้ สุดท้ายก็ได้ทาน ต้องอดทนสุดๆ เพราะน้องกะทิไม่ยอมอยู่ร้านด้วยแต่ก็คุ้มค่ามากๆ เพราะร้านนี้อร่อยมากจริงๆ เราประทับใจที่สุดในทริปนี้แล้ว เนื้อละลายในปาก นุ่มลิ้นมาก น้ำจิ้มก็กลมกล่อมเป็นที่สุด ได้กินกับเบียร์เย็นๆ ยิ่งเข้ากันมากๆ ใครมาเมืองนี้อย่าได้พลาดร้านนี้เด็ดขาดเลย แต่ราคาจะแรงหน่อยนะครับ แต่คุ้มค่าครับสักครั้งในชีวิตต้องมาลอง
ก่อนจะนอนคืนนี้ได้ไปแช่ออนเซ็นของโรงแรม WAT Hotel ด้วยครับ มีห้องแบบ Private แบบ Outdoor ด้วยซึ่งต้องรอคิวหน่อยซึ่งน้องกะทิแช่นานมากกว่าพ่อกับแม่อีก 1 วัน เราต้องห้ามเขาไว้เช่นเดิม จบทริปวันนี้เจอแต่เรื่องประทับใจครับจริงๆ
รีวิวเมือง Takayama และโรงแรม Wat Hotel & Spa Hida ที่นี้เลยครับ เขียนแยกออกมาอีกโพสเลย
วันนี้เดินทั้งหมด 6.9 km
วันที่ 30 มีนาคม 2022
แผนเที่ยววันนี้คือไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ แล้วไปเกโระออนเซ็น เช้านี้เราก็เก็บของออกจากที่พักเลยครับ แล้วไปเทียวตลาด Miyagawa Morning Market ก่อนเลย โดยแวะกินของกินในตลาดจนอิ่มแล้วฝนเริ่มตกก็เลยออกมาเลย เสียดายยังเดินไม่ทั่วตลาดเลย จากนั้นก็ขับรถไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ตอนถึงหมู่บ้านชิราคาวาโกะฝนยังไม่หยุดตกเลยลงถ่ายรูปกันทั้งอย่างนั้นเลยครับ
วิวเลยไม่สวยอย่างที่คิดเพราะฝน หลังจากนั้นเราก็เลยขับรถไปข้างลาดจอดรถและหาข้าวทานตรงนั้นเลยแล้วก็ขับรถไปเกโระออนเซ็นต่อเลยเพราะฝนตกเลยทำให้เทียวไม่ได้ ที่พักเราคืนนี้คือโรงแรมเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองมาตั้งแต่สมัยเอโดอย่าง BOSENKAN ครับ
โดยห้องของเรานั้นวิวสวยงามมากเห็นรถไฟผ่านแม่น้ำของเมืองนี้อย่างชัดเจน บรรยากาศ Japan Style จริงๆ โดยเย็นนี้เราไปทานเนื้อย่างกันที่ร้านนี้ครับ ” 焼肉ハウス和光” เป็นร้านที่อร่อยมากๆ อีกร้านหนึ่งเลยราคาไม่แพงด้วยประทับใจที่สุด (หาเจอจาก Google Map ครับร้านนี้)
หลังทานอาหารเสร็จกลับถึงที่พักน้องกะทิเรียกร้องขอไปออนเซ็นครับ เพราะน้องกะทิติดมากๆ หลังไปออนเซ็นบังเอิญไปผมเจอคนไทยด้วยกันเขาบอกว่า เวลา 2 ทุ่มจะมีโชว์พลุจึงออกไปดูกัน หลังโรงแรมเลยครับ สวยงามมากบังเอิญจริงๆ ที่เกโระออนเซ็นเขามีเทศกาลพลุเพียงไม่กี่วันเท่านั้นครับมาพอดีมาก เป็นภาพที่ประทับใจอีกหนึ่งภาพครับที่เราไม่คิดว่าจะเห็นคือมีคนญี่ปุ่นใส่ชุดกิโมโนมาชมพลุ จบวันนี้ไปอีกวันถึงแม้จะเสียใจที่เจอฝนทั้งวันแต่ก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นกับทริปในวันนี้ครับ
วันนี้เดินทั้งหมด 4.6 km
วันที่ 31 มีนาคม 2022
เริ่มวันใหม่อีกหนึ่งพวกเราวันเสียดายโรงแรมมากๆ เป็นโรงแรมที่ดีสุดๆ แต่เราใช้เวลาที่นี้ไม่คุ้มค่าเลยมาถึงค่ำเกินไป ต้องเช็คเอ้าเช้าอีกหลังจากออกจากโรงแรมเราก็ตรงกลับไปที่นาโกย่าเลย เพราะต้องคืนรถช่วงบ่ายสาม ระหว่างขับรถไปเรื่อยๆ ได้เจอวิวสวยๆ ข้างทางตลอดทั้งทางเลย แต่ในที่สุดเราเจอซากุระอยู่ต้นหนึ่งที่บานสะพรั่งเต็มต้นในระหว่างที่ขับรถผ่านสะพานที่สวยงามริมแม่น้ำด้วย ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันเหมาะแก่การแวะชมเป็นที่สุดเลย เลยแวะจุดนี้ทั้งๆ ที่ตลอดทั้งทางก็ไม่ได้แวะเลย กลายเป็นว่านอกจากต้นซากุระที่บานเต็มต้นเรายังเจอไร่ชา , แม่น้ำสวยๆ มีสะพานไกลๆ ออกไป ภาพมันเหมือนกับการ์ตูนรักญี่ปุ่นสักเรื่องสุดๆ ลองชมภาพดูได้ครับ แม่น้ำใสสะอาด น้ำไหลที่นี้มาจากภูเขาที่เป็นหิมะแล้วหิมะก็ละลายมาครับ
หากใครเช่ารถมาอยากแวะถ่ายรูปก็ได้นะครับ Location ตรงนี้เลยครับ ชื่อสถานที่ตรงนี้คือ Shirakawa Farmers Market Chao ครับ หากนั่งรถโดยสารมาคงพลาดครับ จากนั้นพอถึงนาโกย่าเราก็ไปเทียวชมซากุระก่อนคืนรถครับ โดยรอบนี้มาถึงนาโกย่าซากุระก็บานพอดีเลย เราเลยแวะชมซากุระที่ Yamazaki River ครับเป็นจุดชมซากุระที่บรรยกาศดีมากๆ ริมแม่น้ำทั้งสายเต็มไปด้วยต้นซากุระที่บานเต็มต้นแล้ว หากให้แนะนำว่าจุดไหนเหมาะสำหรับชมซากุระผมคงแนะนำที่นี้แน่นอน แต่เสียดายช่วงมาถึงเหมือนฝนจะตกทำให้ท้องฟ้าไม่แจ่มใสเท่าไร และอากาศก็หนาวที่สุดเลย
จบที่นี้กลับที่พักเลยครับโดยเราเลือกพักที่ APA HOTEL NAGOYA NISHIKI EXCELLENT ที่มาพักตอนมาถึงนาโกย่าคืนแรกครับ ข้อเสียของที่นี้คือไม่มีออนเซ็นครับหากต้องการแช่ออนเซ็นเขามีรถรับส่งไปอีกสาขาของเขา แต่เราก็ไม่อยากเดินทางไปครับ หลังคืนรถเสร็จเราลองไปเดินดูของมือสองมาด้วยครับที่ KOMEHYO สาขาสถานี Nagoya ราคานี้แบบว่าไม่กล้าซื้อเลยครับ ทั้งๆ ที่มันก็ถูกลงมาเยอะแล้วนะครับ
มื้อเย็นนี้เราฝากท้องร้านอาหารใกล้ๆ ที่พักเลยครับ(ห่างกันแค่4-5 ตึกได้) ชื่อร้านเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกแล้วร้านนี้ผมหา localtion บน google map ยังไม่เจอครับ แต่มันอยู่ติดกับ Family mart นี้เลย ลองไปตามตรงนี้ก็ได้ครับหากต้องการไป ข้อดีของร้านนี้คือปลาดิบอร่อยมากครับ ราคาก็จะกลางๆ ครับไม่ถูกไม่แพง เด็กเข้าได้นะครับ ถึงข้างนอกดูเหมือนเป็นร้านเหล้าเลยจริงๆ ก็เถอะ ซึ่งเราจะเห็นป้ายชื่อร้านครับและทางเดินทางไปข้างล่าง ให้เดินลงไปเลยครับ
หลังกินข้าวเสร็จพาเด็กน้อยไปนั่งชิงช้าสวรรค์ตามที่เขาอยากนั่งครับ ก่อนขึ้นน้องกะทิตื่นเต้นมากที่ได้ขึ้น พอขึ้นไปแล้วบ่นอยากลงครับเพราะบอกว่ากลัวความสูง พ่อกับแม่นี้เข่าอ่อนเลย 55 สูงและหวาดเสียวจริงๆ จบวันนี้ไปอีกหนึ่งวันสนุกจริงๆ
วันนี้เดินทั้งหมด 6.7 km
วันที่ 1 เมษายน 2022
วันนี้ไม่มีรถแล้วเราก็เดินเทียวเอาครับ plan วันนี้คือเดินชมซากุระที่ Nagoya Castle ที่นี้ครับ คิดไว้ว่าถ้าอยากเทียวต่อก็จะไปชมซากุระที่อื่นเพิ่มครับ แต่เนื่องจากสภาพร่างกายเริ่มไม่ไหวกันแล้วเพราะเทียวหลายๆ วันรวมถึงอากาศที่ค่อนข้างหนาวและลมแรงเลยเทียวแค่เฉพาะที่นี้ที่เดียวครับ ใช้เวลาทั้งวันเพื่อชมรอบๆ ปราสาทและชมซากุระที่นี้รู้สึกเต็มอิ่มจริงๆ ตอนแรกคิดว่าจะไม่เจอซากุระงามๆ ซะแล้ว แต่ก็ยังได้เห็นซากุระสวยๆ พร้อมท้องฟ้าสีฟ้าไปด้วย มันเป็นอะไรที่สวยที่สุดแล้วยามได้มองซากุระ แต่ที่นี้อากาศหนาวมากและลมแรงมากๆ ทำให้รู้สึกหนาวจนถึงกระดูกเลย มือไม้แข็งจนแทบจับอะไรไม่ได้ และที่นี้ไม่ค่อยมีที่หลบอากาศหนาวเลย จบทริปวันนี้แสนเรียบง่าย ดูรูปสวยๆ กันเลยครับ
วันนี้เดินทั้งหมด 10.5 km
วันที่ 2 เมษายน 2022
เริ่มต้นวันนี้ด้วยการที่เหลือเวลาอีก 1 วันก่อนจะกลับเราเลือกที่จะไปเทียว 2 ที่ด้วยกันคือท้องฟ้าจำลอง Nagoya City Science Museum , Shopping ของมือสองที่ Komehyo เนื่องจาก Nagoya City Science Museum เราคิดว่าเดินไหวเลยเดินไปกันจากที่พัก ที่นี้ใช้เวลานานสุดๆ เพราะน้องกะทิชอบมากๆ (จริงๆ ไม่ใช่แค่น้องกะทิเด็กๆ ญี่ปุ่นเองก็ชอบมากเช่นกัน) ที่นี้เขาได้วิ่งไปๆ มาๆ เพื่อศึกษาและเรียนรู้สิ่งต่างๆ โดยมีอุปกรณ์เยอะมากๆ ให้น้องได้เล่นตรงนี้สามารถใช้เวลาได้ทั้งวันเลย และจบด้วยการไปนอนหลับ(หลับสบายกันทุกคน) ที่ห้องท้องฟ้าจำลอง 555 เนื่องจากบรรยกาศมันมึดๆ และเวลาที่ดูคือช่วงเวลาบ่าย คือเวลานอนของเขาและน้องกะทิวิ่งหนักมากมาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง เรียกว่าเพลียสุดๆ แล้ว พ่อ แม่ ลูกนอนหลับสบายกันภายใต้ดวงดาว จำลองสวยงามเลย ระวังอย่างเดียวนะครับที่ห้องนี้ เวลานอนอย่ากรนเสียงดัง 555+
หลังจากพักผ่อนกันเต็มที่แล้วก็ไปเดินช้อปกันที่ Komehyo เลย ที่นี้ของจะถูกกว่าสาขาที่สถานี Nagoya และของค่อนข้างเยอะมากๆ โดยเฉพาะเสื้อผ้า มีทั้งหมด 4 ชั้นด้วยครับ ส่วนตัวผมไม่ได้อะไรกลับมาเลย เพราะมองว่าถึงของจะราคาถูกจริงแต่สินค้าเป็นมันของที่แพงมากอยู่แล้ว ถึงเป็นมือสองก็ไม่ได้ถูกเท่าไรเลยเลยตัดสินใจเดินกลับไปที่สถานี Sakae แล้วก็ช้อปแถวนั้นแทน
ที่ๆ ผมได้ของเยอะมากเป็นร้าน Book Off ครับ เพราะของมันราคาถูกสุดๆ เลย มีทั้งของสภาพเหมือนมือ1 และสภาพที่ผ่านการใช้งานมาแล้วให้เลือกซื้อเยอะมากๆ ที่นี้ซื้อทุกอย่างที่อยากได้หรือชอบอะไรก็ซื้อหมดเลย
หลังช้อปจนหมดตัวก็ไปกินข้าวกันร้านนี้ Isomaru Suisan ครับวันนี้ ร้านนี้เห็นตอนแรกเมื่อเดินผ่านช่วงเช้าที่จะไปเทียวครับ ตั้งใจไว้ว่าจะกลับมากินกันเพราะราคามันไม่แพงเลย แถมรสชาติอาหารก็อร่อยใช้ได้เลยด้วยครับไม่ผิดหวังจริงๆ ข้อเสียคือในร้านสูบบุหรี่ได้ครับ ไม่เหมาะกับเด็กเป็นที่สุดเราเลยรีบทานให้เสร็จแล้วออกมาให้ไวครับ
หมดวันนี้รีบกลับห้องแพ็คของใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้านวันพรุ่งนี้
วันนี้เดินทั้งหมด 7.7 km
วันที่ 3 เมษายน 2019
วันนี้ไม่มีอะไรเลยครับนอกจากแพ็คของให้เสร็จ และซื้อของเก็บตกบางอย่างจากดองกี้แล้วก็ไปเดินเทียวในสถานีรถไฟจึงมาเห็นครับว่าร้านอาหารที่นี้เยอะมากๆ และราคาถูกสุดๆเลย จากนั้นเราก็ไปเครื่องกันครับ ขากลับเราเลือกที่จะนั่ง Taxi กลับครับเพราะกระเป๋าเราหนักเกินไปที่จะเดินลากขึ้นรถไฟ บายๆ นาโกย่าหากมีโอกาศคงกลับมาอีกรอบครับ
วันนี้เดินทั้งหมด 7.7 km
หากต้องการดูแผนเทียวแบบ Excel ก็ดูได้ตรงนี้นะครับผมลงไว้บน Google Sheet ดู Online ได้เลยจะมี Link Google Map ของสถานที่ๆ จะไปด้วยครับแต่จะไม่ตรงกับที่ผมไปเทียวจริงๆ 100% ครับมันเป็นแผนที่ผมวางไว้ก่อนไปเทียวครับ
ก่อนจบผมอยากแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ออกกำลังกายกันก่อนไปเทียวนะครับ ไม่งั้นอาจจะไม่ไหวได้เพราะทั้งการเดินและยกของหนักๆ มันทำให้ปวดเนื้อปวดตัวได้ครับหากเราไม่ออกกำลังกายก่อนไปก็เตรียมตัวได้เลย และพกยาแก้ปวดกล้ามเนื้อไปด้วยก็ดีครับเผื่อไม่ไหวจริงๆ ก็ทานเข้าไปเลย หากสงสัยหรือมีคำถามเพิ่มเติมใดๆ สามารถพิมพ์มาใน Comment ได้ครับ