วันนี้ขอหยิบบทความดีๆ จากบร๊ะเจ้าโจ๊ก โซคูล มาให้อ่านกันครับ ผมชอบพระเจ้าตรงที่พระเจ้าจะมีมุมมองแปลกๆ เสมอ บทความนี้บร๊ะเจ้าโจ๊กได้นำ “วิถีซุนโงคู” มาเปรียบเทียบกับชีวิตประจำวันเขียนไว้ใน Facebook เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2011
ผมเคยเห็นคนจำนวนมากเอาเรื่องราวต่างๆมาประยุกต์ใช้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสามก๊ก ที่นักธุรกิจนักการเมืองชอบเอาวิถีทางมาเป็นแบบอย่างเพื่อฮ่ำหั่นกัน เพราะชีวิตคนเราบางทีมันเครียด ต้องมีฮีโร่ ต้องมีแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ว่ามีคนเขาลำบากกว่าแต่ผ่านไปได้ มีคนเค้าเจอเรื่องยากกว่าแต่ผ่านไปได้ ลำพังตัวเองอาจมีขวัญและกำลังใจไม่พอ
ถ้าถามตัวผมเอง ว่าผมยืนอยู่ทุกวันนี้ได้อย่างไร ฮีโร่ ของผม ไม่ใช่ ขงเบ้ง ไม่ใช่เล่าปี่ ไม่ได้มาจากหนังสือชีวิตเล่มใด แต่เขาคนนั้นคือ…
ซุนโงคู!!
เจ็ดข้อคร่าวๆ กับวิถีซุน โงคูคือ
- ไม่ผิดที่ไม่เหมือนใคร
ในช่วงเวลาอันโดนเดี่ยวไร้คนเข้าใจ ผมแอบให้กำลังใจตัวเองเสมอ ตั้งแต่เด็กที่ไม่ว่าจะเข้าโรงเรียนไหนก็เป็นแกะดำ อ่อนแอ เรียนโง่ ทำตัวไม่เหมือนคนปรกติทั่วๆไป จนเพื่อนต่างมองว่าเป็นตัวประหลาด ผมไม่เคยท้อแท้ และคิดเสมอว่าตัวเองถูกส่งมาจากดาวไซย่า มาจากชนเผ่านักรบที่ยิ่งใหญ่ แต่สมองกระทบกระเทือนเช่นเดียวกับซุนโงคู ตัวเราเองจึงลืมบางสิ่งบางอย่างไป แต่เราต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แน่ๆ ดังนั้นหากเพื่อนๆรู้สึกเข้ากับใครไม่ได้ หรือรู้สึกมีปมด้อยจงคิดซะว่า เรามาจากดาวไซย่าที่ยิ่งใหญ่ เราจึงไม่เหมือนใคร และอย่าสงใสถ้าตามหาคนที่เหมือนเราไม่เจอ เพราะดาวไซย่า แตกไปแล้ว! - ปีศาจที่แอบแฝง
และเมื่อใดที่เราทำผิดพลั้งโดยไม่ตั้งใจจงอย่าโทษตัวเองและหาทางออกซะ เพราะชาวไซย่านั้นมีปีศาจลิงยักแฝงอยู่ในร่างทุกคนเมื่อ ใดที่เห็นพระจันทร์เต็มดวงเราจะกลายร่างและทำลายทุกอย่าง ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ที่เห็นสิ่งที่อยากได้เมื่อไรก็จะแยกแยะผิดถูกชั่วดี ไม่ได้ จนทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไป
พอมารู้ตัวอีกทีเราอาจสูญเสียสิ่งสำคัญไปแล้วก็ได้ จากปีศาจชั่วที่ตื่นขึ้นมาในยามที่เราอีกคนกำลังหลับไหล
ตำราดราก้อนบอลของ อ.โทริยาม่า อากิร่า ได้สอนพวกเราไว้แล้วว่า วิธีทำลายปีศาจนั้นหาใช่การทำลายดวงจันทร์ไม่ แต่คือการตัดหางลิงของเราออก ฆ่าตัดตอน ทำลายปีศาจที่อยู่ในตัวของเราเอง เมื่อตัวเราไร้ซึ่งปีศาจร้าย ต่อให้จันทร์สาดแสงแรงเพียงใด คงมิอาจทำให้เราขาดสติลงเป็นแน่แท้ - เปลี่ยนมิตรเป็นศัตรู
ซุนโงคูไม่เคยจองเวร นี่คือตัวอย่างจากดราก้อนบอลอย่างนึงซึ่งน่าเอามาใช้ในชีวิตจริงที่สุด นั่นคือ ต่อให้พบกับศัตรูที่ชั่วร้ายแค่ไหน โงคู จะไม่เคยจองเวร ยิ่งเก่งแค่ไหนก็ยิ่งขวนขวายเอาชนะ แต่ไม่มีจิตใจที่คิดอาฆาต หรืออยากฆ่าให้ตาย ถ้าเราสังเกตุให้ดีโงคูเปลี่ยนมิตรเป็นศัตรูมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น ยามูชา พิคโกโร่ เบจิต้า หรือไม่เว้นกระทั่ง จอมมารบู เหมือนกับชีวิตจริง แม้คนรอบข้างจะร้ายกาจแค่ไหน แม้นถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่ให้อภัย แต่หากเราทำได้อย่างซุนโงคู เราจะมีแต่มิตร และ ศัตรูที่เปลี่ยนมาเป็นมิตร ในขณะที่คนทั่วไปมีทั้งมิตรและศัตรู และจงอย่าลืมว่าเมื่อใดเราได้ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดมาเป็นมิตร ความร้ายกาจนั้นอาจช่วยปกป้องเราในยามคับขันได้เช่นกัน - ยิ่งล้มยิ่งเก่ง
อย่ากลัวที่จะต้องเจอกับมรสุมในชีวิต เหมือนกับชาวไซย่าที่หากเจ็บปวดปางตายแล้วสามารถรอดชีวิตมาได้ จะมีพลังเก่งกาจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่คล้ายคลึงชีวิตจริง ที่คนเราเวลาเจ็บช้ำอาจร้องไห้อย่างแสนปวดร้าว แต่หากเจออย่างเดิมซ้ำๆ ก็จะชินชาทนทาน จนต่อสู้กับมันดั่งเป็นเรื่องเล็กน้อย รู้วิธีที่จะต่อสู้กับศัตรูทีี่เคยทำให้เราพลาดท่า และหากครั้งนี้เจ็บกว่าเดิมแล้วเรายังผ่านไปได้ล่ะก็ เราก็จะเก่งทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ จนอาจไม่มีศัตรูที่สมน้ำสมเนื้ออีกเลยก็ได้ หรือที่ชาวโลกชอบพูดกันว่า ผ่านมาเย้ออออ เจ็บมาเย้ออออ - ซุปเปอร์ไซย่า
การจะเป็นซุปเปอร์ไซย่านั้น ต้องระเบิดพลังออกมาถึงขีดสุด แต่มีสติควบคุมได้
สาเหตุที่เบจิต้าได้เป็นซุปเปอร์ไซย่าทีหลังโงคู นั่นเพราะว่าเบจิต้ามีแต่ความโกรธ และพลังทำลายล้าง แต่ขาดซึ่งสมาธิและความสุขุมเยือกเย็น เพราะซุปเปอร์ไซย่าต้องระเบิดพลังออกมาถึงขีดสุดแต่สามารถมีความนิ่งอย่าง สูงสุดในเวลาเดียวกัน
ชาวไซย่าจึงจะเป็นสุดยอดนักรบ ในตำนานได้ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ใช้ได้กับหลายๆเรื่องราวในชีวิตคน ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักกีฬา หรือแม้กระทั่งคนทุกคน จำไว้เลยว่า
สุดยอดนักรบต้องระเบิดพลังออกมาพร้อมกับการควบคุมสติสมาธิและมีความสงบนิ่ง แต่หากเราคิดว่าเราเก่งและระเบิดพลังออกมาด้วยความอยากเอาชนะ ความอิจฉาริษยา ความอยากได้อยากมี ความโลภ หรือความโกรธนั้น แม้แต่ตัวเราเองเราก็ยังชนะไม่ได้ - กินเลอะ
หากใครมองว่าเรากินมูมมามจงอย่าได้แคร์ เพราะซุนโงคูกินเลอะกว่า (เริ่มทุเรศและ) - การขอพรที่ไม่มีสิ้นสุด
ถึงแม้เราจะไขว่าคว้าดราก้อนบอลทั้งเจ็ดลูกมาสักกี่ครั้ง มันก็พุ่งขึ้นฟ้าและกระจัดกระจายหายไปเสมอ
นี่เป็นเรื่องเดียวกับกฏไตรลักษณ์ของศาสนาพุทธคือมีเกิด มีอยู่ และดับไป สิ่งใดก็ตามในชีวิตที่เราไขว่คว้ามาด้วยความยากลำบาก มันไม่มีวันอยู่ตลอดไป พอเราขอพรไปหนึ่งข้อ วันต่อมาก็มีข้อใหม่ที่อยากขอ แล้วเราก็ตามหามันไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ว่าจะอาชีพการงาน หรือทุกสิ่งที่มีการแข่งขัน บอกไว้ตรงนี้เลย ว่าใครมีความสุขกับการแข่งขันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ละก็บั้นปลายชีวิตจะหาความสุขไม่เจอ ไม่ต่างจากคนแก่ๆที่พยายามดิ้นรนเพื่อทรัพย์สมบัติ แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้มันเลย
เปรียบกับชาวสวนที่ปลูกผักไปวันๆ ยังมีความสุขกับชีวิตมากกว่า
ดังนั้นผู้ที่เคยไล่ล่าฝัน ไล่ล่าดราก้อนบอลทั้งเจ็ดลูก ไม่ว่าใครจะเคยได้มาครบแล้วครั้งนึง หรือใครที่ได้ยังไม่ครบ จงมีความทรงจำดีๆกับการล่าฝัน แต่อย่าจมอยู่กับฝันจนไม่มีชีวิตจริง เพราะต่อให้เราเก่งกาจหรือปกป้องโลกไว้กี่ครั้ง คนที่มีความสุขที่สุดก็คือชาวโลกธรรมดาทั่วๆไปนั่นเอง
และนี่ก็เป็นแบบย่อๆนะครับที่ผมเรียบเรียงวิถีซุนโงคูมาให้อ่านกันแบบคร่าวๆ การเป็นนักรบที่เก่งกาจนั้น หากประกอบไปด้วยความ สุขมเยือกเย็น เป็นคนดีมีน้ำใจ พูดจาตรงไปตรงมาไม่ใส่หน้ากาก ยามรบรบขาดใจ ยามจบสงครามไม่ผูกใจแค้น คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว มีความสุขในการได้ช่วยเหลือผู้อื่น ร้อนแรงที่สุดและเยือกเย็นที่สุดในเวลาเดียวกัน นั่นแหละคือซุปเปอร์ไซย่าอย่างแท้จริง หวังว่าเรื่องนี้จะช่วยให้คนที่ต้องต่อสู้กับชีวิตอันเหนื่อยยาก มีพลังจากดาวไซย่ากลับติดตัวไปบ้างนะครับ ส่วนใครที่มีปัญหาชีวิตอะไร ที่อยากได้ทางออกในรูปแบบ วิถี ซุนโงคู ถามกันมาเยอะๆนะครับ จะรวบรวมให้ในตอนถัดไปครับ
และข้อสุดท้าย ซุนโงคู ของแท้ต้องกลัวเมียนะครับ ต่อให้เราเก่งมาจากไหน ล้มศัตรูที่ยิ่งใหญ่คับจักรวาล แต่ยอมอ่อนข้อให้เกียรติแม่ของลูก เจริญทุกคนครับ
ขอบคุณบทความจากพระเจ้าโจ๊ก
ชอบมากครับ ^__~