ก่อนมาดูความหมายของคำว่า Viral Marketing จะหมายถึง การตลาดแบบบอกต่อ หรือ ปากต่อปาก (Viral แปลว่าการแพร่กระจายแบบไวรัส) การทำการตลาดวิธีนี้มีประโยชน์อย่างมาก ต้นทุนต่ำ สามารถช่วยทำให้สร้างแบรนได้
แต่ประเด็นที่ผมจะพูดในบทความนี้คือการทำการตลาดโดยใช้ Viral Marketing บทโลกไอที ซึ่งมันก็มีประเด็นอยู่หลายประเด็น หลายๆท่านอาจจะทราบว่าการทำตลาดบทโลกไอทีมันมีอะไรบ้างมาจากทางเว็บไซต์หรือหนังสือกันบ้างแล้ว แต่วันนี้เราจะมาดูไอเดียในการทำการตลาดบนโลกไอทีแบบ Viral Marketing กันครับ เริ่มกันที่ E-mail Marketing กันก่อนดีกว่าครับ
- E-mail Marketing เป็นที่นิยมกันมากๆ สำหรับวิธีนี้ แต่กว่าเราจะหา E-mail ของผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเราได้นั้น บ้างครั้งมันหาได้ยากเย็นแสนเข็น แต่.. ถ้าหากเราไม่มี E-mail ของกลุ่มเป้าหมายของผู้ใช้เราจะทำยังไงละ! หลายๆ ท่านอาจจะเลือกที่จะข้ามการตลาดแบบ E-mail แบบนี้ไปเลยใช่ไหมละครับแต่เดียวก่อน.. ใช่ว่าจะไม่มีทางออกซะทีเดียวครับ ทางออกที่น่าจะเป็นทางเลือกของคุณวิธีที่ว่านั้นก็คืออาศัยช่องทางการ Forward mail ของผู้ใช้ไงละครับ (Viral Marketing) ผมมั่นใจกว่าทุกท่านคงเคยได้รับ Forward mail หลายๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนพ่อมด (ที่มีคนโดดและถ่ายรูปขั้นเทพ แสดงจนนึกว่ากำลังขี่ไม้กวาดกันจริงๆ) หรือเรื่องล่าสุดที่ผมได้รับคือ MSN หรรษา (บทความอยู่ข้างล่างลองอ่านดูครับ ตลกดีครับ) ลองคิดอีกสักนิดซิครับ หากเราสอดแทรก ดัดแปลง นำสินค้า โลโก้ สโลแกน สอดแทรกเข้าไปยัง E-mail ได้แล้วมีการ Forward ต่อมันจะดีแค่ไหน.. ทิ้งไว้เป็นไอเดียสำหรับคุณผู้อ่าน ซึ่งก็เคยมีโรงแรม โรงแรมหนึ่งที่จ้างตากล้องมาถ่ายภาพ จากนั้นก็เริ่ม Forward เองจนกระทั่งผู้ที่ได้อ่านแล้วถูกใจจึง Forward ต่อๆกันไปอีก เอาเป็นว่าลองไปคิดต่อยอดประยุกต์ให้เข้ากับตัวเองดูนะครับ โดยคำถามที่ผมจะถามทิ้งไว้คือ “จะทำยังไงให้คนอ่าน E-mail แล้วต้อง Forward mail ทันทีที่อ่านจบ”หมายเหตุ อย่าเล่นแบบลูกโซ่ ระวังโดนด่าครับ
- VDO Marketing แน่นอนว่าคงมีตัวอย่างมามากมายหลายตัวอย่างแล้ว เช่น Phoenix สื่อรัก มช. ที่ขายไอเดียสุดเจ๋งโดยการรับจ้างบอกรักและ Wonder Gays สาว(หนุ่ม)น้อยเหล่านี้แทบไม่ต้องคิดอะไรแต่ Copy เขามาทั้งหมดยังดังได้ พูดง่ายๆ เกาะเขาดังนั้นละครับ ทั้งสองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สามารถดังจากเว็บไซต์ Youtube ได้โดยความ “ไม่ตั้งใจ” และไม่ได้บังเอิญทำขึ้นมา (โดยการถ่ายไว้นั้นเป็นการถ่ายไว้ดูเล่นและส่งต่อให้เพื่อน) แล้วทำไมถึงดังได้ละ เพราะว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมันถูกใจคนอยู่แล้ว.. (การทำสิ่งที่แปลกใหม่มาสู่สายตาผู้อื่นมักจะได้รับทั้งคำชม คำด่าเสมอ) กระทั่งเกิดเป็นกระแสและมีการบอกต่อขึ้นมา ซึ่งเรียกว่า Viral Marketing และแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้มันเกิดจากความอยากที่จะทำ ส่วนการโปรโมตหรือบอกต่อนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น คำถามที่ต้องถามในหัวข้อนี้คือ “จะทำยังไงให้ผู้ที่ได้ชม Clip ต้องส่งต่อเมื่อชมเสร็จ”
- Social Network คือเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้ตอบโต้กันจนเกิดเป็นสังคม (Social) จนกระทั่งกลายเป็นเครือข่าย (Network) ที่โยงใยไปทั่วโลก เว็บไซต์ Social Network เหล่านี้ก็ยกตัวอย่างเช่น Hi5 Facebook MySpace เป็นต้น ซึ่งมันเหมาะสำหรับการสร้างแบรนให้เรามากกว่าการขายสินค้า หากเรามีเว็บไซต์เป็นของตนเองและใช้ Social Network เหล่านี้ในการโปรโมต อาจจะช่วยดึงลูกค้าจาก Social Network เหล่านี้ได้ ถามว่าหากไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองและใช้ Social Network เหล่านี้ในการขายสินค้าทำได้ไหม.. แน่นอนครับว่าต้องทำได้อยู่แล้ว แต่หากเราต้องการปรับปรุงอะไรมากกว่านี้นคงทำได้ยากครับ ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณครับ สำหรับ Social Network นั้นเราสามารถนำมาเป็นเครื่องมือสำหรับการสร้าง Viral Marketing ได้ ก็ประยุกต์จาก VDO และ E-mail Marketing ไม่มีใครบอกต่อเราก็เป็นหน้าม้าบอกต่อเองเลยครับ
- แจกของฟรี วิธีนี้คงเป็นวิธีการที่แพร่หลายที่สุด ตัวอย่างเช่น เว็บขาย Hosting แห่งหนึ่งก็ใช้วิธีแจก Host แจกเสื้อ เว็บขายโดเมนก็ให้จดโดเมนในราคา 0$ ไม่ต่างจากการแจกฟรีเลย ซึ่งผมก็ได้เสนอวิธีไปให้กับร้านแคมหมูแม่แช่ม โดยให้ทางร้านแจกแคบหมูไปให้กับผู้ที่อยากชิม อาจจะ 100 ท่าน ซึ่งหาก 100 ท่านนี้ถูกใจในรสชาติก็จะกลับมาสั่งซื้ออีกในเว็บไซต์ และแน่นอนถ้ากลับมาซื้ออีกแล้วติดใจก็จะมีการบอกต่อแน่นอนครับ ลองไปประยุกต์ใช้ดูนะครับ
ครับผมทั้ง 4 แนวทางนั้นเป็นไอเดียสำหรับการสร้าง Viral Marketing นะครับ ซึ่งอาจจะต้องปรับปรุงเสริมแต่งให้เข้ากับธุรกิจของคุณบ้าง และหวังว่าอ่านบทความนี้เสร็จคงจะได้รับไอเดียสำหรับทำ Viral Marketing กันนะครับ โชคดีมีสุข ร่ำรวยกันทั่วหน้า สาธุ.. 😉