Phoenix สื่อรัก มช.

ณ วินาทีนี้คงไม่มีชาว IT ท่านใดที่ยังไม่ได้ชมคลิป Phoenix สื่อรัก มช. (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) แน่นอนใช่ไหมครับ สิ่งที่ทำให้พวกเขามาถึงตรงนี้ได้อาจจะด้วยความบังเอิญหรือด้วยความชอบ ใดๆก็แล้วแต่ ท่ามกลางคลิปนับล้านคลิปมีน้อยคนนักในเมืองไทยที่จะมาถึงตรงจุดนี้ได้ ด้วยพลังของ Social Network ซึ่งส่งนักร้อง บุคคล อื่นๆ ดังมาแล้วทั่วโลก เช่น Charice Pempengco Team Hoyt หรือแม้กระทั่งน้องหมาตัวน้อยๆ ที่กลายเป็นฮีโร่ในข้ามวัน

วันนี้ Phoenix-29 (ไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนจาก Phoenix สื่อรัก มช. มาตอนไหนนะครับ แต่ตอนนี้ใช้ชื่อนี้ ) ไม่ได้เป็นที่รู้จักแค่ใน มช. เท่านั้นแต่เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ (ทั่วโลก) แล้วต่างหากละครับ ในวันที่ 1-2 เมษายน 2552 ที่จะถึงนี้ กลุ่ม Phoenix-29 ก็จะได้ตะลุยกรุงเทพ เพื่อทำภาระกิจที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน ให้บรรลุตามที่ได้รับหน้าที่มา จะเป็นเช่นไรก็ต้องรอชมกันละครับ

แต่สำหรับวันนี้ผมมีภาพที่กลุ่ม Phoenix-29 ป่วน ป.6 มาฝาก ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าไปป่วนเขาหรือโดนเขาป่วนกันแน่.. หึหึ แต่รับรองว่าสนุกไม่แพ้การปฏิบัติภาระกิจสื่อรักแน่นอนครับ

ท่านใดอยากทักทาย กลุ่ม Phoenix-29 สามารถเข้าไปได้ที่  http://phoenix-29.hi5.com ครับ

คำคมจากหนัง

Let’s not make thing worse by guessing.
จงอย่าทำอะไรเลวร้ายลงด้วยวิธีการเดา
จาก Apollo 13

Don’t follw orders your whole life, Think for yourself.
อย่าปฎิบัติตามคำสั่งไปทั่งชีวิต แต่จงเลือชุกคิดไว้เพื่อตัวเอง

Revenge won’t make the pain go away.
การแก้แค้นไม่ทำให้ความเจ็บปวดหายไป
จาก Dare Davil

Great power Comes with Great Responsibilities.
พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง
จาก Spiderman

A man without fear is a man with hope.
คนที่ปราศจากความกลัว คือคนที่ปราศจากความหวัง
จาก Dare Davil

“Family”means nobody gets left behind.
ความหมายของครอบครัว คือการไม่มีใครถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
จาก Lilo&Stitch

Do not confuse luck with skill.
จงอย่าสับสนระหว่างความโชคดีกับทักษะส่วนตัว
จาก The Replacement killers


You have to became a man to the mind of your oppenent.
เธอจะต้องเป็นยิ่งกว่ามนุษย์ในใจศัตรู
จาก Batman_Begin


ทำไมคนเราถึงตก…….เพื่อที่จะได้รู้จักคำว่าลุก
จาก Batman_Begin

A man of honor always keep his word.
ชายที่มีเกียรติจะต้องรักษาคำพูดเสมอ
จาก Road to Perdition

Every thing that has a beginning has an end.
ทุกสิ่งที่มีจุดเริ่มต้นย่อมมีจุดจบ
จาก The Matix Revolution


Friend forgive each other.
เพื่อนย่อมให้อภัยสึ่งกันและกัน
จาก Shrek


Dirt clean off a lot easier than blood.
ดินสกปรกยังล้างออกง่ายกว่าเลือด
จาก Gladiator


Only the Dead have seen the end of war
มีแต่ผู้ที่สังเวยชีวิตในสงครามเท่านั้น ที่ได้พบสันติภาพ
จาก Black Hawk Down


Wise man will find a way not fight the war.
จากนายพลของกองเรือญี่ปุ่นใน Pearl Harbor


The world is still the same just less in it.
โลกนี้กว้างเท่าเดิม แต่ความน่าอยู่มันลดลง
จาก Pirates of the Caribbean / At world end


“แม่เคยบอกไว้ว่า”ชีวิตเหมือนกล่องช็อกโกแล็ต ลูกไม่รู้หรอกว่าจะได้อะไรเมื่อเปิดมัน
จาก Forrest Gump


Hope for the best but plan for the worst.
เวลาทำงานหวังเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดแต่เตรียมตัวพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
จาก Bourne Ultimatum


“There’s a fine line between coincidence and fate”
มีเพียงเส้นบาง ๆ เท่านั้นที่แบ่งแยกความบังเอิญออกจากโชคชะตา
จาก The Mummy Returns


Force will be with you
พลังจงสถิตอยู่กับท่าน
จาก Star War


“I’ll Be Back”
“แล้วผมจะกลับมา”
จาก Terminator ทั้ง 3 ภาค


กระสุนไม่ได้ฆ่าคน แต่คนฆ่ากันเอง
จาก lord of war


If you find a mate in your life, you should be loyal
ถ้าคุณพบคู่แท้ในชีวิต คุณควรจะซื่อสัตย์ต่อเขา
เรื่อง Ice Age


In time of crisis we need discipline
เราจำเป็นต้องมีระเบียบวินัยในช่วงเวลาวิกฤติ
เรื่อง Atlantis : The Lost Tale


“Who ever wins…..We lose”
“ไม่ว่าใครจะชนะ….เราแพ้”
จาก AVP


“ไม่เสียสละ…ชัยชนะก็ไม่เกิด”
จาก Transformers


“Dead is only the beginning”
ความตาย เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
จาก The Mummy

“There is a difference between knowing the path and walking the path.”
มีความแตกต่างระหว่างการรู้หนทางที่จะเดิน และการเดินบนหนทางนั้น
จาก The Matrix


“A brilliant man will find a way not to fight a war”
ชายที่หัวใจ เป็นเพชร จะสามารถ พานพบได้ โดยไม่จำเป็น ต้องสู้รบ ในสงคราม
จาก Pearl Harbor


“There’s nothing stronger than the heart of a volunteer”
ไม่มีสิ่งใด แข็งแกร่ง ไปกว่า หัวใจของอาสาสมัคร
จาก Pearl Harbor

กฎหมาย เอาพวกนี้ไม่อยู่ ไม่นานพอออกจากคุก ก็เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนแก็ง
แต่สันดานชั่วไม่เปลี่ยน  ฉันไม่ได้เป็นคนเริ่ม แต่ว่าจะขอเป็นคนจบมันเอง
จาก บ็อบ ลี สเวกเกอร์ ในหนังเรื่อง Shooter


“เมื่อก่อนลั่นไกเพื่อศักด์ศรี….บัดนี้ลั่นไกเพื่อความยุติธรรม”
จาก Shooter

เมื่อสาวๆ ปวด “ขี้”

มันจะลงเอ่ยเช่นไรเมื่อสาวๆ Girls Generation ปวด “ขี้” ไปชมกันดีกว่า…

Listen ข้อย
My อุนจิ ข้อย Story
อุโวโอ อุโวโอ เย้~~
My Uncle
And อาโก !!
My ขึ้นช่าย !!
Let’s Go

เนื้อเพลง gee เพลงgee ฟังเพลง gee เพลง gee

วิธีการติดตั้ง Tomcat 6.x สำหรับ Windows (ใช้ในเครื่องตัวเอง)

การ ติดตั้งโปรแกรม Tomcat 6.x โดยใช้ Windows service installer เมื่อเรา download ไฟล์ Windows service installer มาแล้ว (โหลดได้ที่ http://tomcat.apache.org/download-60.cgi ตรง Binary Distributions > Windows Service Installer ) จะได้ไฟล์ apache-tomcat-6.0.13.exe มา ให้ double click ที่ไฟล์นี้เพื่อเริ่มการติดตั้งโปรแกรม Tomcat 6.0  โปรแกรม installer จะขึ้นมาทำงานโดยจะแสดงหน้าจอเป็นขั้น ๆ เพื่อช่วยเราในการติดตั้งโปรแกรม ดังนี้

ในหน้าที่ 1 โปรแกรม installer จะแสดงข้อความต้อนรับพร้อมกับแนะนำให้เราปิดโปรแกรมทั้งหมดที่ใช้งานอยู่ ก่อน เพื่อที่โปรแกรม installer จะได้สามารถ access ไฟล์ของระบบที่จำเป็นได้ ให้ click ที่ Next เพื่อไปยังหน้าต่อไป

ใน หน้าที่ 2 โปรแกรม installer จะให้เราอ่านข้อตกลงการใช้งานโปรแกรม Tomcat (license) แล้วให้เราเลือกว่าเราจะตกลงทำตามข้อตกลงหรือไม่ ให้เลือก “I Agree” เพื่อยืนยันว่าเรายอมรับข้อตกลงดังกล่าวและเพื่อไปยังหน้าต่อไป

ใน หน้าที่ 3 โปรแกรม installer แสดงรายการองค์ประกอบของโปรแกรมที่เราต้องการลงพร้อมกับขนาดของพื้นที่ที่ ต้องใช้ จะเห็นว่า Start up Menu Items และ Documentation ได้ถูกเลือกเอาไว้ให้แล้ว แต่ถ้าต้องการตัวอย่างด้วยก็ให้เลือก Examples เพิ่ม จากนั้น click ที่ปุ่ม Next เพื่อไปยังหน้าต่อไป

ใน หน้าที่ 4 โปรแกรม installer จะถาม path ที่เราต้องการลงโปรแกรม Tomcat  ให้เราเลือก path ที่ต้องการ แล้ว click ที่ Next เพื่อไปยังหน้าต่อไป

ใน หน้าที่ 5 โปรแกรม installer จะให้เรากำหนด port ที่จะให้โปรแกรม Tomcat ใช้ และ user name และ password ของผู้ใช้ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบ Tomcat  สำหรับค่าของ port ให้ใช้ค่า default 8080 เพื่อที่จะได้ไม่ซ้ำกับของโปรแกรมอื่น (web server โปรแกรมโดยทั่วไปจะใช้ port 80 ในการทำงาน) สำหรับ user name และ password ให้ระบุตามที่เราต้องการ เราอาจไม่ระบุ password ของ user ก็ได้ เพื่อสะดวกในการใช้งานระหว่างการพัฒนาโปรแกรม จากนั้นให้ click ที่ Next เพื่อไปยังหน้าต่อไป

ใน หน้าที่ 6 โปรแกรม installer จะทำการตรวจสอบ JRE ที่มีอยู่ในเครื่องของเราแล้วให้เรายืนยันว่าเราต้องการใช้ version นี้หรือไม่ ในกรณีที่เราต้องการใช้ version อื่นก็สามารถระบุได้ในขั้นตอนนี้ จากนั้นให้ click ที่ Install เพื่อเริ่มการติดตั้งโปรแกรม

ใน หน้าที่ 7 โปรแกรม installer จะแสดงหน้าจอว่าติดตั้งโปรแกรม Tomcat เสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับถามว่าเราต้องการรันโปรแกรม Tomcat หรืออ่านไฟล์ Readme หรือไม่ ให้เลือกตามต้องการแล้ว click ที่ปุ่ม Finish เพื่อจบการทำงานของโปรแกรม installer

เมื่อ ติดตั้งโปรแกรม Tomcat เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้สังเกตุว่าจะมี tray icon ของโปรแกรม Tomcat ปรากฏที่ Task bar ด้านขวาล่างของจอ ดังรูป

2.2.3 รันโปรแกรม Tomcat ขึ้นมาทำงาน  ในการรันโปรแกรม Tomcat ที่เป็น service ขึ้นมาทำงานนั้น ให้ click ขวาที่ tray icon ของ Tomcat แล้วเลือกคำสั่ง Start service  ถ้าต้องการจบการทำงานของโปรแกรม Tomcat ก็ให้เลือก Stop service แทน

สังเกต ว่าเวลาเราใช้งาน Tomcat ที่เป็น service นั้น จะไม่มีหน้าจอ console แสดงขึ้นมา การลงโปรแกรม Tomcat แบบนี้จึงเหมาะกับการใช้งานจริง ที่เรากำหนดให้โปรแกรม Tomcat ขึ้นมาทำงานโดยอัตโนมัติในลักษณะของ service

2.2.3 ทดสอบการทำงานของโปรแกรม Tomcat  ให้เปิด web browser อย่าง IE ขึ้นมา แล้วพิมพ์ URL http://localhost:8080/ เข้าไป ถ้าโปรแกรม Tomcat ทำงานได้อย่างถูกต้อง หน้า default ของ Tomcat จะแสดงขึ้นมา ดังรูป

credit jhelp.net


มารู้จักคุณภาณุพงศ์ ปัญญาดี ผู้พัฒนา AppServ

ภาพจาก thaiventureblog.blogspot.com

บทความนี้เป็นบทความที่ 2 ที่ผมได้พูดถึงบุคคลทางด้าน IT นะครับ สำหรับคนแรกเราได้ไปรู้จักกับน้อง Mekz ไปแล้วนะครับ บทความนี้มารู้จักบุคคลที่ควรรู้จักดีกว่าครับ นั้นคือผู้พัฒนา AppServ คุณภาณุพงศ์ ปัญญาดี ชื่อเล่นชื่อคุณ Apples นั้นเองครับ

มารู้จักคุณ Apples กันหน่อยดีกว่าครับ คุณ Apples เกิดวันที่ 14 สิงหาคม 2523 อายุยังน้อยเลยใช่ไหมละครับ จบปริญญาตรีจาก สถาบันราชภัฏเชียงใหม่ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มี ประสบการณ์และความเชียวชาญพิเศษในเรื่องของ Linux Security, Linux Network, Network Security, Network Admin, PHP Programming, MySQL Database, Linux/Unix Hacking System, Web Design, ฯลฯ โอ้ววว เยอะมากๆ

ขณะนี้คุณ Apples ได้เปิดให้บริการ Web Hosting  ในเว็บ http://www.appservhosting.com/ ส่วนตัวผมก็เคยเป็นลูกค้าด้วยเช่นกันครับ ขอการันตรีคุณภาพว่าสุดยอดมากๆ เลยครับ สำหรับ appservhosting เครื่องได้วางที่ CAT IDC นะครับ หมดปัญหาเรื่องการเข้าใช้งานจากต่างประเทศแน่นอนครับ เพราะเน็ตของที่นี้ดีมากๆ ครับ แน่นอนครับว่าทำให้บอทของ Google วิ่งได้ดีเช่นกันครับ ท่านใดจะทำ SEO ลองมาใช้บริการที่นี้ก็ไม่เลวนะครับ

คงไม่มีโปรแกรมเมอร์ท่านใดไม่รู้จักโปรแกรม AppServ แน่ๆ ครับ น่าภูมิใจจริงๆ เลยครับที่โปรแกรมนี้แพร่หลายไปทั่วโลก เบื้องหลังความสำเร็จนั้นคุณ Apples ได้บอกไว้ว่า “เพราะว่าแต่เริ่มเดิมทีผมได้ทำเว็บเป็นภาษาอังกฤษก่อนภาษาไทยครับ และระยะหลังๆ มีคนช่วยแปลเป็นภาษาต่างๆ ทำให้เข้าถึงคนท้องถิ่นแต่ละประเทศเพิ่มขึ้นครับ” พูดง่ายๆ คือโปรแกรมนี้ไปตีตลาดมาจากต่างประเทศก่อนมาถึงเมืองไทยนั้นเองครับ โดยไอเดียการทำโปรแกรมนี้ขึ้นมานั้นคุณ Apples ได้บอกไว้ว่า “โปรแกรม AppServ ได้กำเนิดจากแรงบันดาลใจจากเพื่อนของผู้พัฒนาคนหนึ่งที่ได้เริ่มศึกษาภาษา PHP และฐานข้อมูล MySQL และมีปัญหาทุกครั้งในการติดตั้ง กว่าจะติดตั้งได้ก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง บางทีทำได้บ้างไม่ได้บ้าง และทุกครั้งที่ติดตั้งไม่ได้ก็จะมาขอความช่วยเหลือจากผู้พัฒนาเป็นประจำทุก ครั้ง จึงทำให้ผู้พัฒนาได้สร้างโปรแกรมที่สะดวกในการติดตั้งเพื่อให้เพื่อนของผู้ พัฒนาสามารถนำไปใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องมาปวดหัวกับการติดตั้งที่ยุ่งยากอีกต่อไป” พูดง่ายๆ คือ เพื่อนเรียกจนขี้เกียจไปหา เลยทำโปรแกรมที่มันติดตั้งง่าย ๆ จะได้ไปต้องไปหาเพื่อนอีก.. ขี้เกียจ ฮ่าๆๆ

เก่งแบบนี้คงไม่ได้เก่งมาแต่เกิดแน่นอนครับ คุณ Apples ได้บอกไว้ว่า “พัฒนาด้วยการเก็บประสบการณ์จากผู้มีความรู้ต่างๆ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบศึกษาหาความรู้จากเว็บไซต์ต่างประเทศ เพราะว่าได้ความรู้ที่แปลกแหวกแนวและแนวคิดใหม่ๆ ที่นำมาพัฒนาการทำงานครับ และผมชอบที่สุดคือการ Benchmark ครับ” ใครอยากเก่งแบบคุณ Apples ลองนำเทคนิคการพัฒนาตัวเองที่คุณ Apples ใช้มาใช้ดูครับ

สำหรับไอคอนรูปเด็กที่เป็นโลโก้ของ AppServ นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรูปของคุณ Apples ตอนเด็กๆ นั้นเองครับ หน้าตาดีมาตั้งแต่เด็กเลยนะครับ ฮ่าๆๆ ทราบข่าวลับมาอีกนะครับว่าคุณ Apples นั้นชอบน้ำส้มมากๆ Meeting ที่ไรสั่งน้ำส้มก่อนเลยละครับ (หึหึ) ใครอยากติดต่อคุณ Applesติดต่อได้ที่ E-mail apples[at]appservhosting.com นะครับ

วิถีโซนี่ 2 ตอนกรอบคิดของโมริตะ

โมริตะกับอิบูกะตัดสินใจจะเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจ แทนที่จะขายของให้รัฐบาล ชะตากรรมบริษัทผูกกับฝ่ายจัดซื้อเท่านั้น ทั้งสองตัดสินใจทำธุรกิจที่ขายผลิตภัณฑ์ให้มวลชน

ผลิตภัณฑ์แรกของโซนี่ หลังจากตัดสินใจเข้าสู่ Consumer Market ก็คือเครื่องบันทึกเทป

ก่อนหน้านั้นทั้งคู่วาดฝันไว้สวยหรู ว่าจะทำเงินมหาศาล จึงใช้เงินและบุคคลากรจำนวนมากเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนให้โดดเด่น อย่างไรก็ตามหลังจากเครื่องบันทึกเทปออกสู่ตลาด ผลปรากกฏว่าฝันสลายอย่างสิ้นเชิง เพราะผู้บริโภคไม่ซื้อ ด้วยเหตุผลที่ว่า “ น่าสนใจ แต่แพงเกินไปสำหรับของเล่นชิ้นหนึ่ง” แล้วจะขายของยังไงดี ไม่ต้องบอกก็คงเห็นภาพโมริตะนอนก่ายหน้าผาก

อยู่มาวันหนึ่ง โมริตะเดินอยู่แถวๆบ้าน และหยุดอยู่หน้าร้านขายโบราณวัตถุ เขาไม่ได้สนใจวัตถุโบราณหรอก แต่จ้องเขม็งไปที่บทความที่ติดไว้บนกระจกหน้าร้าน หลังจากนั้นโมริตะ ก็เดินจากไปโดยไม่สนใจ แต่ทว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินสวนเข้าไปในร้าน และถามพนักงานขายหลายคำ จากนั้นหนุ่มคนนี้ก็ควักกระเป๋าจ่ายเงินจำนวนมากซื้อวัตถุโบราณชิ้นที่โมริ ตะไม่ได้สนใจนั่นแหละ

หนุ่มเหน้ารายนี้เดินจากไปอย่างมีความสนุก “ผมคิดว่าเครื่องบันทึกเทปโซนี่ มีคุณค่ามากกว่า แต่เจ้าหนุ่มผู้นั้นกลับจ่ายเงินซื้อวัตถุโบราณที่แพงกว่าเครื่องเล่นเทปของ ผมตั้งหลายเท่า” โมริตะประหลาดใจและพิศวงงงวยกับพฤติกรรมของเจ้าหนุ่มคนนี้มาก “เขาสอนการขายพื้นฐานให้ผม”

นั่นคือไม่มีทางขายสินค้าได้ ถ้าลูกค้าไม่ซาบซึ้งในคุณค่าของสินค้านั้น “ไม่มีทางที่ผมจะซื้อวัตถุโบราณนั้นในราคาสูงปานนั้น เพราะผมไม่สนใจโบราณวัตถุ ทว่าคนอื่นที่ซาบซึ่งคุณค่าวัตถุโบราณ ก็พร้อมจะจ่ายเงิน” ในสายตาของโมริตะและอิบูกะ เครื่องบันทึกเทปมีคุณค่ามหาศาล พวกเขาคิดว่าราคาขายที่ตั้งนั้นถูกเกินไปเสียด้วยซ้ำ แต่ผู้บริโภคกลับคิดว่ามันเป็นแค่ของเล่นที่น่าสนใจเท่านั้น บ๊ะ!!! ไหงเป็นงั้น

แปลว่าถ้าผู้บริโภคไม่คิดว่าเครื่องบันทึกเทปมีคุณค่า ก็จะไม่ซื้อ โมริตะเกิดการรู้แจ้งเห็นจริงขึ้นมาฉับพลัน เขาต้องสอนให้ผู้บริโภครู้ว่าเครื่องบันทึกเทปนั้นทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างในชีวิตประจำวัน มันเป็นบทเรียนที่สอนให้ไม่เพียงแต่โซนี่เท่านั้น ทว่ายังสอนให้หลายๆบริษัทที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันด้วย นั่นคือบริษัทไม่เพียงแต่มีหน้าที่ผลิตสินค้าเท่านั้น หากยังต้องสอนให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักใช้สินค้านั้นด้วย (Educate Prospective Customers) ไม่เช่นนั้นตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ไม่เกิด

กระนั้นก็ตาม โซนี่ในห้วงตั้งไข่ซึ่งมีเงินและเวลาจำกัด ไม่สามารถสอนผู้คนทั้งญี่ปุ่นได้ “เราตระหนักว่าการตลาด คือการเพิ่มจำนวนผู้สามารถสื่อคุณประโยชน์และคุณค่าของผลิตภัณฑ์ไปสู่ลูกค้า โดยใช้วิธีเดียวกับที่เราทำ” โมริตะเริ่มต้นสอนฝ่ายการตลาดของโซนี่ให้รู้ซึ้งถึงเป้าหมายนี้ จากนั้นส่งผ่านแนวความคิดนี้ไปสู่ขั้นตอนต่อไป ภายใต้กระบวนการนี้ สารที่ถูกต้อง(Accurate Message) จักต้องสื่อจากตัวโมริตะไปยังฝ่ายการตลาด จากนั้นส่งผ่านไปยังพนักงานขายในแต่ละภาค และส่งต่อไปยังเซลส์แมนของดีลเลอร์ ซึ่งก็หมายความว่างานการตลาดก็คืองานด้านการสื่อสารนั่นเอง!!!

ขอบคุณข้อมูลจาก thaicoon.wordpress.com

วิถีแห่งโซนี่

โซนี่(Sony)คือแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดของญี่ปุ่น

อากิโอะ โมริตะ คือผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่ได้รับการยกย่องมากจากโลกตะวันตกมากที่สุดในบรรดานักธุรกิจญี่ปุ่น  ในปี 1998 จากการสำรวจของแฮริส โซนี่คือแบรนด์อันดับหนึ่งในใจอเมริกันชนเหนือกว่า Coke และ GE เสียอีก โซนี่คือตัวแทนแบรนด์ของชาวเอเชียในแง่แบรนด์ที่มีนวัตกรรมสูงที่สุด เพราะนวัตกรรมและความแตกต่างคือดีเอ็นเอของโซนี่

แม้ว่าในระยะหลังเส้นทางของโซนี่จะไม่ได้โรยด้วยกรีบกุหลาบ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์โซนี่ ก็ทำให้โซนี่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและกลับมาสู่ลู่แห่งการแข่งขันได้อย่างสง่างาม

วิถีแห่งโซนี่คือวิถีแห่งชัยชนะ

การศึกษาวิถีแห่งโซนี่นั้น แยกไม่ออกจากการศึกษาอากิโอะ โมริตะ ผู้ร่วมก่อตั้งโซนี่ผู้โด่งดัง โมริตะเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวตะวันตกมากกว่าชาวญี่ปุ่นใดๆ บางคนบอกว่าคนคุ้นชื่อของเขามากกว่าชื่อนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเสียอีก นิตยสารไทม์จัดให้เป็นหนึ่งในบุคคลแห่งศตวรรษ

โมริตะถูกจัดอยู่ในทำเนียบนักการตลาดอันดับต้นๆของโลก ซึ่งโชคดีเอามากๆที่เขามีเพื่อนคู่ใจผู้ร่วมก่อตั้งซึ่งเชี่ยวชาญด้าน วิศวกรรมที่ชื่ออิบูกะ ทั้งคู่จึงกลายเป็นคู่หูดูโอที่มีส่วนผสมลงตัวอย่างที่สุด

โมริตะจบฟิสิกส์ ไม่มีประสบการณ์ด้านการตลาดมาก่อน เขาก่อตั้งบริษัทโซนี่ ด้วยเงินน้อยกว่า 600 เหรียญ มีพนักงานไม่ถึง 20 คน ผลิตภัณฑ์ของเขาก็คืออุปกรณ์สื่อสาร ขายให้รัฐบาลซึ่งในสมัยนั้นอยู่ในช่วงฟื้นฟูประเทศ การขายของให้รัฐบาลนั้น ทำให้โซนี่จำต้องดีลกับฝ่ายจัดซื้อให้ซี้ย่ำปึ้ก อย่างไรก็ตามหากฝ่ายจัดซื้อเปลี่ยนคน เขาและอิบูกะ(ผู้ร่วมก่อตั้ง) ก็ย่ำแย่ไปด้วย เพราะต้องสานสัมพันธ์กันใหม่ ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ บริษัทถูกกระทบเพราะการทำธุรกิจไม่มีความแน่นอน