สวัสดีทุกๆ ท่านที่ติดตาม Blog Sutenm.com ครับ เป็น Blog ที่รวมเรื่องราวต่างๆ ในการท่องเทียวที่ผมได้ไปเทียวจริงๆ มารีวิวให้อ่านกันครับ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องที่ไปเทียวญี่ปุ่นอีกรอบครับ เพียงแต่รอบนี้ไม่ได้ไปที่โตเกียวครับ รอบนี้ได้ลงที่นาโกย่า ซึ่งหากใครอยากอ่านเรื่องราวที่พาลูกไปเทียวโตเกียวอ่านได้ที่นี้นะครับ โดยรอบนี้เป็นการไปเทียวที่เรียกว่ามีประสบการณ์แตกต่างจากการไปเทียวญี่ปุ่นครั้งแรกพอสมควรแต่มันมีรายละเอียดที่พ่อแม่ทุกคนต้องศึกษาอีกเยอะมากๆ ก่อนไปเทียวครับ มาดูกันว่าผมจะมีอะไรแนะนำคุณพ่อคุณแม่ทุกๆ ท่านยังไงกันบ้างนะครับสำหรับการออกทริปไป Nagoya ครั้งนี้ ไปดูกันเลย
ในการเทียวครั้งนี้เป็นช่วงวันที่ 25 มีนาคม – 3 เมษายน 2022 ครับ รวมทั้งหมด 10 วันได้ แต่เนื่องจากผมต้องนั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่ไป-กลับดอนเมืองอีกเลยต้องบวกวันเดินทางเพิ่มทั้งวันไปและกลับอีก 2 วันครับ รวมทั้งทริปใช้เวลาทั้งหมด 12 วันได้ คือเรียกว่านานสุดๆ ไปเลยบครับ โดยรอบนี้มีพี่สาวไปด้วยอีก 2 คนครับ ซึ่งการเตรียมตัวเรื่องการวางแผนการเทียวไม่ต้องรอบคอบมากจนเกินไปครับเพราะเวลาเทียวเหลือเยอะสุดๆ ช่วงที่ผมไปนี้เป็นช่วงซากุระกำลังจะบานครับ โดยพยากรณ์จากเว็บญี่ปุ่นเขาบอกว่าซากุระจะบานตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม -3 เมษายนโดยประมาณครับ แต่ตอนผมไปถึงนาโกย่านั้นมันกำลังจะบานครับ ทริปที่วางไว้ว่าจะไปดูซากุระวันแรกๆ ต้องเลื่อนมาวันท้ายๆ แทนครับ แต่ก็ยังได้เห็นความงามของต้นซากุระอยู่ คุ้มค่าจริงๆ ครับ ซากุระที่นาโกย่าสวยงามไม่แพ้ที่ใดในญี่ปุ่นเลย นอกจากนี้ได้ขับรถเทียวไปยังเส้นทางต่างๆ นั้นได้พบกับความประทับใจอีกมากมายครับ จัดได้ว่าเป็นทริปที่อยู่ในใจของผมตลอดไปอีก 1 ทริปแน่นอน Continue reading “พาลูก 4 ขวบเที่ยวญี่ปุ่น ลุยนาโกย่า,คาวากุจิโกะ,Hirayu Onsen,Takayama,Gero ดูซากุระสุดประทับใจ”
Category: Japan
Japan ญี่ปุ่น
รีวิวเมือง Takayama และโรงแรม Wat Hotel & Spa Hida
พอดีมีคนทักหลักไมค์ผมมาใน Pantip ครับผมก็เลยคิดได้ว่า ต้องมารีวิวสักหน่อยแล้วแบบเต็มๆ ครับ เพราะไปหารีวิวที่อื่นในเว็บไหนๆ ก็ไม่มีเลยครับ มาเริ่มกันเลย Continue reading “รีวิวเมือง Takayama และโรงแรม Wat Hotel & Spa Hida”
เตรียมตัวพาลูก 2 ขวบเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
เมื่อเดือนเมษายน ปี 2561 ที่ผ่านมาช่วงกลางเดือนผมได้พาลูกอายุ 2 ขวบกับอีก 7 เดือนไปเทียวประเทศญี่ปุ่นมา ซึ่งก็อยากแชร์ข้อมูลให้คนอื่นได้เก็บไว้เป็น Guide ไว้อีกแนวทางหนึ่งเหมือนกัน ตัวผมเองนั้นได้ไปเทียวกัน 5 คนครับเป็นเพื่อนที่สนิทกัน การเดินทางสัมภาระในบางครั้งก็จะมีเพื่อนมาช่วยด้วยตรงนี้ก็อาจะอธิบายในตอนหน้านะครับว่าดียังไง เนื่องจากมีข้อมูลค่อนข้างหลา Continue reading “เตรียมตัวพาลูก 2 ขวบเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง”
รีวิวโรงแรมแคปซูล ชินจูกุ คุยาคุโช มาเอะ
ขอรีวิวโรงแรมสักโรงแรมหนึ่ง เป็นโรงแรมแคปซูลชื่อ โรงแรมชินจูกุ คุยาคุโช มาเอะ (Shinjuku Kuyakushomae Capsule Hotel, Tokyo) ครับ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความครองชีพสูงมากๆ เลยมีการคิดค้นโรงแรมแคปซูลขึ้นมา โดยคนคิดค้นชื่อ Kisho Kurokawa เปิดครั้งแรกในปี 1979 เมืองโอซาก้า ครับ
โรงแรมแคปซูล ชินจูกุ คุยาคุโช มาเอะที่ผมไปพักนั้นมีค่าใช้จ่ายประมาณคืนละ 3100 เยน แต่พอดีจองช่วงโปรโมทชั่นเลยได้ราคา 2500 เยนครับ ขั้นตอนการเข้าพักของเขาคือหลังจากเช็คอินแล้วเราจะได้กุญแจมารูปร่างตามในภาพเลยครับ สังเกตุว่ามีรูปร่างคล้ายนาฬิกาใช่ไหมครับ นั้นก็เพราะว่าเขาให้เราเอาไปใส่ไว้ตอนอาบน้ำได้ด้วยครับ (เผื่อบ้างคนกลัวมีคนมาขโมยกุญแจไปเปิดล็อกเกอร์ตอนอาบน้ำ) เป็นกุญแจสำหรับล็อกเกอร์เก็บของมีค่า ซึ่งจะอยู่ชั้นเดียวกับชั้นเคาเตอร์เช็คอินครับ ภายในล็อกเกอร์จะมีชุดยูนิฟอร์มให้เราใส่ครับ พร้อมผ้าขนหนูและผ้าเช็ดตัวเอาไว้ใช้ตอนอาบน้ำครับ
เดินเข้าไปอีกหน่อยก็จะเป็นห้องอาบน้ำรวมครับอยู่ด้านในสุดของชั้นนี้ครับ ในห้องอาบน้ำเขาเตรียมโลชั่น โฟมอาบน้ำ แชมพู แปลงฟันยาสีฟัน ที่โกนหนวด ไดร์เป่าผม ไว้พร้อมหมดครับ แรกๆ เจอห้องอาบน้ำรวมอาจจะไม่ค่อยชิน แต่เดียวจะชินไปเองครับ ส่วนมากห้องอาบน้ำโรงแรมราคาไม่แพงจะเป็นห้องนอาบน้ำรวมหมดครับ
ส่วนแคปซูลสำหรับนอนจะอยู่คนละชั้นกับเคาเตอร์เช็คอินและห้องอาบน้ำนะครับ ภายในแคปซูลนั้นก็มี TV ,มีกระจก ให้ครับ (บ้างชั้นมีช่องเยอะ บ้างชั้นมีสองช่องเองครับ) แล้วก็มีอุปกรณ์ควบคุมแคปซูลครับ ก็พวกปุ่มปรับความสว่างของหลอดไฟ ปุ่มเปลี่ยนช่อง TV นาฬิกา (สามารถตั้งปลุกได้) แล้วก็มีเต้าเสียบให้หนึ่งรู (ไม่พอแน่นอน ต้องเอาปลั๊กพ่วงด้วยนะครับ) พอเราจะนอนก็เลื่อนบานพับลงมาครับ (มันม้วนๆ อยู่ผมอธิบายไม่ถูก) แน่นอนว่าถ้าห้องอื่นกรน หรือทำเสียงดังเราก็ได้ยินหมดครับ ส่วนความกว้างนั้นกำลังพอดีครับ พอเอาตัวเข้าไปได้ แล้วก็วางกระเป๋าอีกใบสองใบครับ สำหรับคนรูปร่างใหญ่มันอาจจะอืดอัดคุณครับ แต่สำหรับผมมันกำลังพอดีครับ นอนสบาย พลิกตัวได้ครับ
Kawaguchiko
เริ่มตั้งต้นกันที่ Kawaguchiko Station ซึ่งพวกผมใช้เป็นจุดศูนย์กลางในการเดินทาง โดยพักที่โรงแรม Kawaguchiko Station Inn ใกล้ๆ กับสถานีนั้นเอง ส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบเมือง Kawaguchiko มากๆ เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายอย่าง ผู้คนในเมืองนี้ดูแล้วช่างเป็นมิตรกันจริงๆ อยู่ที่นี้กันสองวัน วันแรกสถานที่ ที่ไปกันมาคือ
Lake Kawaguchiko เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่มีวิวสวยงาม สามารถนั่งเรือโจรสลัดชมความงามของเมืองได้จากตรงนี้ หรือขึ้นกระเช้า (Kachi Kachi Ropeway) ชมทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบด้านล่างและของภูเขาไฟฟูจิ แต่วันที่ผมไปนั้นเขากำลังปิดปรับปรุงเลยไม่ได้ขึ้นไปชมกันครับ
Iyashi no Sato เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของชาวญี่ปุ่นที่เคยทำอาชีพเกษตรกรรมมาก่อน และเมื่อปี 1966 ถูกมรสุมทำลายลง หลังจากนั้นอีก 40 ปีได้ปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านหัตถกรรมแบบดั้งเดิม ให้ผู้คนได้เข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ในบ้านหลังจากๆ นี้มีหัตถกรรมต่างๆ จำหน่ายด้วยครับ
หากเดินขึ้นไปบนหมู่บ้านอีกนิด ก็จะได้มุมถ่ายรูปวิวภูเขาไฟฟูจิที่ค่อนข้างสวยเลยครับ
Chureito Pagoda หรือเจดีย์แดง ญี่ปุ่น ที่คนไทยมักเรียก Chureito Pagoda เป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้า Arakura Sengen Shrine สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกสันติภาพในปี 1963 มีบันไดเดินขึ้นไปประมาณ 400 ขั้น (เล่นเอาหอบเลยครับ) ข้างล่างมองเห็นวิวเมือง Fujiyoshida และเป็นจุดถ่ายภาพที่ช่างภาพมักจะมากัน
หลังจากไป Iyashi no Sato กันมาแล้วเวลาเหลือครับ เลยหาที่เที่ยวอีกที่หนึ่ง เลยคุยกันว่าจะมาที่นี้ครับ ได้ข้อมูลจากกระทู้ในพันทิพย์ในการเดินทาง (ลิงค์อยู่ข้างล่าง) Chureito Pagoda คือสถานที่ ที่ผมประทับใจที่สุดใน Trip สิบวันนี้ครับ และรู้สึกโชคดีมากที่ได้มาที่นี้ มาถูกที่ถูกเวลาด้วย ตอนที่มานั้นพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว เลยรีบวิ่งมากัน (กะจะมาถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินกับภูเขาไฟภูจิ วิ่งขึ้นบัดได 400 ขั้นเล่นเอาหอบเลยครับ) แต่พอเห็นวิวเมือง Fujiyoshida แล้วคิดว่าถ้าค่ำอีกหน่อยรอคนเปิดไฟน่าจะถ่ายรูปสวยกว่านี้ เลยอยู่รอเวลาถ่ายภาพกันครับ และ
แล้วก็ไม่ผิดหวังกันจริงๆ ภาพที่ได้มาสวยมากๆ เหมือนกำลังอยู่ในหนังเรื่อง Hugo มีระฆังดังต๊องแต่งๆ มีรถไฟวิ่งไปมาๆ มีรถยนต์วิ่งสลับกัน ไฟในบ้านเปิด มองเห็นวิวข้างล่างได้อย่างสวยงาม.. ถึงแม้อากาศจะหนาวแค่ไหนก็ทนได้ครับ ถ้าใครได้ไปแนะนำที่นี้เลยครับ แต่ตอนลงมานั้นลำบากมากๆ เพราะไม่มีไฟเลยสักดวงครับ คงไม่ได้ทำเผื่อไว้ให้คนมาตอนกลางคืน ฉะนั้นควรพบไฟฉายไปด้วยนะครับ ผมก็ถือว่าโชคดีที่เอาติดตัวไปครับ ชมบรรยายกาศได้จากใน Clip ข้างล่างเลยครับ
นอกจากสามที่นี้แล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจมากๆ ด้วยครับ เช่น Fuji-Q Highland, Kubota Museum, Oshino Hakkai, Music Forest, Lake Saiko, Lake Yamanakako, Caves เป็นต้น ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมกันดูนะครับ จัด Trip ญี่ปุ่นห้ามพลาดเมืองนี้เลยครับ Continue reading “Kawaguchiko”
สวนสนุก ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland)
ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) เป็นสวนสนุกที่อยู่ใกล้ภูเขาฟูจิ อยู่ในเมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยะมะนะชิ หากขึ้นเครื่องเล่นไปคุณจะมองเห็นภูเขาฟูจิเสมอ ค่าบัตรเข้าผู้ใหญ่ 4,500-5,000 เยน (แต่วันนั้นผมซื้อ 4,200 เยน ไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงลดราคา) เด็ก 3,700 เยน หรือจะซื้อบัตรเข้าเฉยๆ 1,200 เยน แล้วถ้าจะขึ้นเครื่องเล่นก็ไปซื้อแยกอีกทีก็ได้ครับ (เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบเครื่องเล่นหวาดเสียวครับ) ถ้าซื้อสองวันราคาจะถูกลงไปอีก (ดูราคาได้จากลิงค์ข้างล่างครับ) วันธรรมดาจะเปิด 9.00 – 17.00 น. วันหยุดเปิด 9.00-20.00 น. แต่ถ้าเป็นช่วง Summer เปิด 8.00 – 21.00 น.
ที่ฟูจิคิวไฮแลนด์แห่งนี้มีเครื่องเล่นที่มีชื่อเสียงหลายตัว เช่น
Fujiyama (ในภาพคือเครื่องเล่นสีดำที่อยู่ฝั่งขวามือด้านใน) เปิดในปี 1996 มีความสูง 79 เมตร มีความเร็ว 130 km/h Fujiyama เคยเป็นรถไฟเหาะสูงที่สุดในโลก สถิติล่าสุดเมื่อปี 2007 ตกลงมาอยู่ที่อันดับ 8 ของโลก เป็นรถไฟเหาะที่ยาวที่สุดอันดับ 5 ของโลก และเป็นรถไฟเหาะที่เร็วที่สุดอันดับ 10 ของโลก
Dodonpa เปิดในปี 2001 มีความสูง 52 เมตร ความเร็ว 172 km/h Dodonpa เคยเป็นรถไฟเหาะเร็วที่สุดในโลก จากสถิติล่าสุดในปี 2007 ตกมาอยู่ที่อันดับ 3 แต่ก็ยังคลองสถิติการมีเร่งสูงสุดที่เวลาการเปิดตัวอยู่ครับ
Dodonpa เป็นเครื่องเล่นหวาดเสียวอันเดียวที่ผมขึ้น สุดจะอธิบาย ไม่ขอขึ้นอันอื่นอีกเลยครับ
Eejanaika เปิดในปี 2006 มีความสูง 76 เมตร ความเร็ว 126km/h Eejanaika เป็นรถไฟเหาะชนิด 4 มิติ มีการหมุนมากที่สุดในโลก โดยหมุนรอบทิศทางถึง 14 ครั้งในระยะทาง 1.153 เมตร
Takabisha มีความเร็วถึง 100 km/h Takabisha เปิดเมื่อปี 2011 ได้รับการบันทึกว่าเป็นรถไฟเหาะที่มีความชันมากถึง 121 องศา ก่อนจะตกลงมาในความสูง 43 เมตร
Labyrinth of Fear (บ้านผีสิง) ถือบ้านผีสิงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่นั้นคือโรงพยาบาล ว่ากันว่าเคยเป็นโรงพยาบาลเก่ามาก่อน แล้วประสบภาวะขาดทุนจึงได้ปิดตัวลง ก่อนที่จะถูกดัดแปลงให้เป็นบ้านผีสิง (เคยมีหนังเรื่อง The Shock Labyrinth Extreme 3D มาถ่ายทำในสถานที่นี้) และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสวนสนุกแห่งนี้ ว่ากันอีกว่าอุปกรณ์ทุกอย่างนั้นเป็นของจริงทั้งหมด! บรรยายกาศทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นของจริง! หากเข้าไปแล้วเจอเสียงแปลกๆ หรือกลิ่นแปลกๆ คุณอาจจะไม่รู้เลยว่าคือของจำลองหรือของจริงกันแน่!
บ้านผีสิงจะต้องจ่ายแยกจากบัตรเหมา (บัตรเหมาผม 4,200 เยน) ราคาค่าเข้า 500 เยนครับ รู้สึกจะปิดตอน 4-5 โมงเยนด้วยนะครับ น่าจะเป็นเพราะว่ากลางคืนมันอันตรายมากๆ เพราะสถานที่นี้คือโรงยาบาลจริงๆ และมีคนตายจริงๆ (เขาคงกลัวเจออะไรแปลกๆ ตอนดึกๆ นะครับ ขู่ไว้ก่อน) บ้านผีสิงสนุกมากๆ เลยครับ ส่วนตัวแล้วชอบมากๆ มีทั้งเสียง ทั้งกลิ่น (ของจริงหรือจำลองก็ไม่รู้) บรรยายกาศนี้อินสุดๆ ครับ เดินวนไปวนมาก็ไม่ออกสักที อุณหภูมิข้างนอกตอนนั้นประมาณ 3 องศาเล่นเอาเหงื่อแตกเลยครับ ส่วนข้างในมีอะไรบ้างนั้นไม่เฉลยละกันครับ อยากให้ลองเข้าไปดูครับ :p
โดทงโบริ Dotonbori
ย่าน โดทงโบริ (Dotonbori) หลังจากที่ไปปราสาทโอซากามามีคนไทยแนะนำให้มาเที่ยวตึกกุริโกะ หลังจากเดินหาตึกกุริโกะกันอยู่นานในที่สุดก็เจอ แต่แอบผิดหวังนิดหน่อย เพราะคนไทยที่แนะนำมาเขาบอกว่าต้องมาให้ได้นะ เราก็เข้าใจว่ามันต้องมีอะไรพิเศษเลยรีบมากัน ปรากฏว่าตึกแถวๆ นั้นสวย แปลกตากว่าเยอะเลยครับ
หลังจากผิดหวังเล็กน้อยกับตึกกุริโกะ เลยเดินข้างสะพานไปนิดหน่อยก็เจอย่านโดทงโบริซึ่งเป็นย่าน Shopping ที่เขาบอกว่าของถูกมาก (แต่ไม่ได้ซื้ออะไรนะครับ ไปเดินเที่ยวกันเฉยๆ) เขาบอกว่าที่นี่ของกินอร่อยหลายอย่าง โดยเฉพาะทาโกะยากิ ทาโกะยากิมันก็มีหลายร้านเกินแล้วร้านไหนอร่อยไม่อร่อยก็สังเกตุง่ายๆ เลยนะครับ เลือกร้านที่มีคนต่อคิวเยอะๆ นั้นละครับ :p
ตึกกุริโกะ (ที่คนไทยบอกว่าต้องมาให้ได้)