Night Safari Singapore

Night Safari Singapore

Night Safari Singapore เป็นสวนสัตว์กลางคืนแห่งแรกของโลก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในสิงคโปร์ โดยเปิดให้บริการเมื่อปี 1994 ด้วยทุนสร้าง $63 ล้าน ในแต่ละปีมีคนเข้าชมถึงล้านกว่าคน

เปิดเวลา 19.30 – 12.00 น. ทุกวันครับ สามารถนั่งรถร่างดูสัตว์ได้ครับ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีครับ ในสวนสัตว์จะมีโชว์อยู่ 2 แบบ โชว์แรกคือ

– Thumbuakar เป็นโชว์ไฟครับ (ตอนนั้นผมไปไม่ทัน) มีแสดงเวลา  6.45pm, 8.00pm, 9.00pm และวันศุกร์ วันเสาร์ หรือวันหยุดก็จะมีรอบพิเศษตอน 10.00pm เพิ่มขึ้นมาครับ

– Creatures of the Night Show เป็นโชว์ที่นำสัตว์มามีส่วนร่วมในการแสดง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที โชว์นี้น่าจะเป็นไฮไลท์ของที่นี้เลยครับ มีรอบ 7.30pm, 8.30pm, 9.30pm และวันศุกร์ วันเสาร์ หรือวันหยุดก็จะมีรอบพิเศษเวลา 10.30pm (ถ้าฝนตกอาจจะเลื่อนเวลาออกไปครับ) โชว์นี้เป็นโชว์ที่สนุกมากๆ ครับ เขาได้นำสัวต์และผู้เข้าชมไปมีส่วนร่วมในโชว์ด้วย ดูจากใน clip ด้านล่างได้ครับ

ค่าบัตรเข้าคนละ $18 เด็กอายุไม่เกิน 12 ขวบ $9 ต่ำกว่า 3 ขวบเข้าฟรี การเดินทางนั้นผมไปโดยรถแท็กซี่ครับ จาก Woodland station MRT ไปที่นั้นเลยใช้เวลาแค่ 15 นาทีครับ จ่ายไป $9.23 (ขึ้นรถไป Start $3 เป็น Vat อีก $1.85) ผมไปกัน 3 คนคุ้มมากๆ ครับ ถ้านั่งรถเมล์ไปค่าใช้จ่ายก็ไม่ต่างกันเท่าไร แต่อาจจะนั่งนานกว่า ค่าบัตรเข้า

Night Safari ที่นี้นั้นค่อนข้างเล็กมากถ้าเทียบกับ Night Safari Chiangmai ที่เชียงใหม่ใหญ่กว่าแล้วเราก็สามารถใกล้ชิดสัตว์ สามารถจับต้องได้ ให้อาหารได้ ส่วนตัวแล้วคิดว่าถ้าไม่มี Creatures of the Night Show อาจจะไม่สนุกเลยก็ได้ครับ (ขออภัยถ้าแรงไปหน่อย พอดีผมไป Night Safari Chiangmai บ่อยมากๆ ครับ)

Continue reading “Night Safari Singapore”

รถสะเทือนน้ำสะเทือนบก Singapore Ducktours

 รถสะเทือนน้ำสะเทือนบก Singapore Ducktours

ต่อไปรีวิว รถสะเทือนน้ำสะเทือนบก ของ Singapore Ducktours ครับ เป็นทัวร์ที่จะพาชมสถานที่สำคัญๆ ในสิงคโปร์ครับ (ซึ่งถ้าใครนั่งเรือ Clarke Quay Riverside สถานที่บ้างแห่งอาจจะซ้ำกันบ้าง แต่ก็ได้คนละอารมณ์ครับ) โดยเริ่มต้นกันที่ Suntec City ที่ไปขึ้นรถสะเทือนน้ำสะเทือนบก สถานที่สำคัญที่ผ่าน เช่น

– Civic District อนุสรณ์สถานสงครามแห่งแรกของสิงคโปร์
– Esplanade Theatres on the Bay เป็นสถาปัตยกรรมที่คล้ายเปลือกหอย
– Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลก
– Fountain of Wealth ถือว่าเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ว่ากันว่าเป็นน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง ถ้าใครเข้าไปอธิษฐานอะไรก็จะสำเร็จตามที่ขอ จะมีโชคดีและมีความมั่งคั่งตามมา เพราะว่าน้ำพุนี้สร้างตามหลักฮวงจุ้ย มีตึกวางลักษณะคล้ายๆ มือซ้าย และมีน้ำพุอยู่ตรงกวาง (เขาบอกมาแบบนี้ ตอนผมไปเขาปิดปรับปรุงครับ)

ใช้เวลาในการเดินทางชมทั้งหมดประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ มีค่าใช้จ่ายคนละ $33 เด็ก $23 เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ $2 จากที่ไปนั่งมาก็สนุกดีครับ ชมวิวเพลินดี ไม่เมารถ เมาเรือครับ ดูตัวอย่างจากใน clip ได้ครับ

Continue reading “รถสะเทือนน้ำสะเทือนบก Singapore Ducktours”

Singapore Clarke Quay and Riverside

BACK

Clarke Quay and Riverside เป็นการล่องเรือในแม่น้ำสิงโปร์ โดยจะผ่านจุดต่างๆ ดังนี้ River Valley, Robertson Quay, Clemenceau, Read Bridge, Clarke Quay, South Bridge, Boat Quay, Fullerton, Esplanade, Merlion park, Bayfront South, Promenade, Marina Barrage

ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่คนละ $18 เด็ก $10 ครับ ใช้เวลาในการเดินเรือประมาณ 40 นาที แนะนำว่าให้ล่องเรือตอนเย็นๆ หรือตอนค่ำๆ หลังพระอาทิตย์ตกดินครับ จะได้บรรยายกาศอีกแบบหนึ่ง (ถ้าฝนไม่ตกนะครับ) ส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบโซนนี้เหมือนกันครับ บรรกาศยายสบายๆ ดีครับ

Singapore Clarke Quay Riverside

นอกจากกิจกรรมล่องเรือแล้ว ท่าเรือ Clarke Quay แห่งนี้ยังเป็นแหล่ง Shopping อีกด้วยครับ ปัจจุบันเขาได้บูรณะย่านนี้ไว้ให้เหมือนกับสภาพเดิมในสมัยศตวรรษที่ 19 บรรยายกาศน่าเดินมากๆ ครับ ลองชมได้จากใน Clip และภาพข้างล่างเลยครับ

Continue reading “Singapore Clarke Quay and Riverside”

Singapore City Gallery

Singapore City Gallery

Singapore City Gallery คือ สถานที่ที่รวมประวัติของประเทศสิงคโปร์ในอดีตที่ผ่านมา บอกเล่าถึงการวางผังเมืองเพื่อจัดสรรที่ดินให้กับประชากรในประเทศ เพื่อให้ยังคงมีพื้นที่สีเขียว มีโบราณสถานต่างๆ และยังมีแบบจำลองในอนาคตที่กำลังวางแผนสร้างกันอีกด้วยครับ

Singapore City Gallery เปิดให้เข้าชมฟรีครับ ปิดวันอาทิตย์หนึ่งวัน ส่วนวันจันทร์ – วันศุกร์ เปิด 9.00 น. – 17.00 น.
วันเสาร์ 09.00 น. – 13.00 น. ครับ อยู่ตรงกลางระหว่าง Red Dot Design Museum กับ Buddha Tooth Relic Temple and Museum ครับ

Continue reading “Singapore City Gallery”

วัดพระเขี้ยวแก้ว Buddha Tooth Relic Temple and Museum Singapore

 

Buddha Tooth Relic Temple and Museum Singapore

Buddha Tooth Relic Temple and Museum Singapore หรือที่คนไทยรู้จักในนาม วัดพระเขี้ยวแก้ว เนื่องจากชั้นบนสุดของที่นี้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เป็นพระทนต์ของพระพุทธเจ้า วัดพระเขี้ยวแก้วเป็นวัดพุทธนิกายมหายาน ตั้งอยู่ในย่านไชน่าทาวน์ของสิงคโปร์ ใช้เงินสร้างมากถึง S$62 สร้างเสร็จเมื่อปี 2007

วัดนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมครับ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ Maxwell Food Centre, Red Dot Design Museum แล้วก็ Singapore City Gallery การเดินทางสามารถลงสถานี Chinatown แล้วเดินมาที่วัดก่อนแล้ววนไปที่ Maxwell Food Centre, Red Dot Design Museum แล้วก็ Singapore City Gallery ได้ครับ หรือลงจากสถานี Tanjong Pagar แล้วเที่ยวที่ Red Dot Design Museum ก่อนแล้วไปที่ Singapore City Gallery, Maxwell Food Centre แล้วค่อยวนมาที่วัดก็ได้ครับ สามารถเดินไปหากันได้หมดครับ ที่นี้ผมไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไรครับ ไหว้พระ ถ่ายรูปเสร็จก็เดินออกไปเที่ยวที่อื่นกันต่อครับ

Continue reading “วัดพระเขี้ยวแก้ว Buddha Tooth Relic Temple and Museum Singapore”

Red Dot Design Museum Singapore

Red Dot Design Museum Singapore

Red Dot Design Museum คือพิพิธภัณฑ์ที่เอาไว้โชว์ผลงานจากประกวด Red Dot Award มีผลงานการออกแบบจากนักออกแบบทั่วโลกมาแสดงไว้ โดย Red Dot Design Museum Singapore เป็นที่สองรองจากเยอรมัน เปิดโชว์ผลงานเมื่อปี 2005 ภายในอาคารยังเป็นสำนักงานของบริษัทเกี่ยวกับงานออกแบบอีกด้วย

เวลาเปิดทำการ

เปิดแค่วันจันทร์ วันอังคารและวันศุกร์ เวลา 11.00 – 18.00 น.
วันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิดเวลา 11.00 – 20.00 น.

(อาจจะมีบ้างวันนอกเหนือจากนี้ที่ปิดทำการ ควรเช็คจากในเว็บไซต์ก่อนครับ ลิงค์อยู่ข้างล่างสุดครับ)

ค่าเข้าชม

ผู้ใหญ่ $8
นักเรียน $4
เด็ก $4
ผู้สูงอายุ $4

จากที่เดินชมมานั้นต้องบอกว่าผมอาจจะยังเข้าไม่ถึงศิลปะการออกแบบ ดูแล้วรู้สึกแค่ว่าสวยหรือไม่สวยเท่านั้นเองครับ ส่วนผลงานที่เขาโชว์ก็เยอะอยู่ครับ ราคาค่าตั๋วเข้าสำหรับผมคิดว่าแพงไปหน่อย แต่สำหรับคนที่รักการออกแบบเข้าไปแล้วเกิดไอเดียอาจจะรู้สึกคุ้มก็ได้ครับ แต่ส่วนตัวแล้วชอบตึกมากๆ ครับ ถ่ายรูปออกมาสวยมากครับ ตัวอาคารนี้อยู่ในย่าน China Town ใกล้ๆ กับ Singapore City Gallery และ Maxwell Food Centre ครับ ผ่านไปแถวนั้นไปแวะถ่ายรูปได้ครับ

การเดินทางดูได้จากรายละเอียดในเว็บไซต์เขาเลยนะครับ

Continue reading “Red Dot Design Museum Singapore”

รีวิวโรงแรมแคปซูล ชินจูกุ คุยาคุโช มาเอะ

Kuyakushomae Capsule Hotel

ขอรีวิวโรงแรมสักโรงแรมหนึ่ง เป็นโรงแรมแคปซูลชื่อ โรงแรมชินจูกุ คุยาคุโช มาเอะ  (Shinjuku Kuyakushomae Capsule Hotel, Tokyo) ครับ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความครองชีพสูงมากๆ เลยมีการคิดค้นโรงแรมแคปซูลขึ้นมา โดยคนคิดค้นชื่อ Kisho Kurokawa เปิดครั้งแรกในปี 1979 เมืองโอซาก้า ครับ

Kuyakushomae Capsule Hotel (4)โรงแรมแคปซูล ชินจูกุ คุยาคุโช มาเอะที่ผมไปพักนั้นมีค่าใช้จ่ายประมาณคืนละ 3100 เยน แต่พอดีจองช่วงโปรโมทชั่นเลยได้ราคา 2500 เยนครับ ขั้นตอนการเข้าพักของเขาคือหลังจากเช็คอินแล้วเราจะได้กุญแจมารูปร่างตามในภาพเลยครับ สังเกตุว่ามีรูปร่างคล้ายนาฬิกาใช่ไหมครับ นั้นก็เพราะว่าเขาให้เราเอาไปใส่ไว้ตอนอาบน้ำได้ด้วยครับ (เผื่อบ้างคนกลัวมีคนมาขโมยกุญแจไปเปิดล็อกเกอร์ตอนอาบน้ำ) เป็นกุญแจสำหรับล็อกเกอร์เก็บของมีค่า ซึ่งจะอยู่ชั้นเดียวกับชั้นเคาเตอร์เช็คอินครับ ภายในล็อกเกอร์จะมีชุดยูนิฟอร์มให้เราใส่ครับ พร้อมผ้าขนหนูและผ้าเช็ดตัวเอาไว้ใช้ตอนอาบน้ำครับ

เดินเข้าไปอีกหน่อยก็จะเป็นห้องอาบน้ำรวมครับอยู่ด้านในสุดของชั้นนี้ครับ ในห้องอาบน้ำเขาเตรียมโลชั่น โฟมอาบน้ำ แชมพู แปลงฟันยาสีฟัน ที่โกนหนวด ไดร์เป่าผม ไว้พร้อมหมดครับ แรกๆ เจอห้องอาบน้ำรวมอาจจะไม่ค่อยชิน แต่เดียวจะชินไปเองครับ ส่วนมากห้องอาบน้ำโรงแรมราคาไม่แพงจะเป็นห้องนอาบน้ำรวมหมดครับ

Kuyakushomae Capsule Hotel (8)

ส่วนแคปซูลสำหรับนอนจะอยู่คนละชั้นกับเคาเตอร์เช็คอินและห้องอาบน้ำนะครับ ภายในแคปซูลนั้นก็มี TV ,มีกระจก ให้ครับ (บ้างชั้นมีช่องเยอะ บ้างชั้นมีสองช่องเองครับ) แล้วก็มีอุปกรณ์ควบคุมแคปซูลครับ ก็พวกปุ่มปรับความสว่างของหลอดไฟ ปุ่มเปลี่ยนช่อง TV นาฬิกา (สามารถตั้งปลุกได้) แล้วก็มีเต้าเสียบให้หนึ่งรู (ไม่พอแน่นอน ต้องเอาปลั๊กพ่วงด้วยนะครับ) พอเราจะนอนก็เลื่อนบานพับลงมาครับ (มันม้วนๆ อยู่ผมอธิบายไม่ถูก) แน่นอนว่าถ้าห้องอื่นกรน หรือทำเสียงดังเราก็ได้ยินหมดครับ ส่วนความกว้างนั้นกำลังพอดีครับ พอเอาตัวเข้าไปได้ แล้วก็วางกระเป๋าอีกใบสองใบครับ สำหรับคนรูปร่างใหญ่มันอาจจะอืดอัดคุณครับ แต่สำหรับผมมันกำลังพอดีครับ นอนสบาย พลิกตัวได้ครับ

Continue reading “รีวิวโรงแรมแคปซูล ชินจูกุ คุยาคุโช มาเอะ”