Facebook สวีทนุช

เพลง Facebook สวีทนุช

เพลง Facebook สวีทนุช เพลงนี้คงโดนคนใช้ Facebook กันทุกคนนะครับ แม่นุชเขาเป็นห่วงจึงเตือนมา แรงไปหน่อยแต่โดนสุดๆ

เนื้อเพลง Facebook สวีทนุช

…เห็นคนเล่น เฟสบุ๊ค ให้ฉุกคิด มันจะติด อะไร กันนักหนา
ว่างไม่ได้ ต้องเปิดดู ว่าใครมา เม้นท์อะไร บ้างหว่า ในหน้าเรา

…เพื่อนคนนี้ เพื่อนคนโน้น เพื่อนคนนั้น วันทั้งวัน เม้นท์กันได้ ไม่มีเหงา
ถึงอยู่ไกล แค่ไหน ไม่บรรเทา เพราะโลกเรา มันไร้ ซึ่งพรมแดน

…ตอนกลางวัน เม้นท์กัน เพราะมันว่าง เวลางาน ก็ช่าง คิดวางแผน
อยากจะแซว อยากจะด่า หรือหาแฟน สมองแล่น แต่เรื่องงาน ช่างมันไป

…พวกนอนดึก ชอบมาคึก ตอนเราหลับ กี่ฉบับ เราเม้นท์กัน ก็อ่านไหว
แต่พอเป็น เรื่องงาน พลันอ่อนใจ ทำไมไม่ เหมือนเฟสบุ๊ค สนุกจัง

…ตอนรุ่งเช้า เราตื่นเต้น ต้องรีบอ่าน ไปทำงาน พอเจ้านาย เดินคล้อยหลัง
เปิดไอโฟน ทันใด ใจภวังค์ เพื่อนตอบเรา หรือยัง ที่เม้นท์ไป

…ไอ้ฟาร์มวิลล์ นี่อีกอย่าง มันช่างเล่น มันจะเป็น บ้ากัน ไปถึงไหน
เลี้ยงไอ้นี่ ปลูกไอ้นั่น มันสะใจ เลี้ยงจริงๆ ทำได้ไหม ใคร่ถามดู

…ทีลูกเต้า ปล่อยวาง ช่างมันเถิด อยู่ตามมี ตามเกิด นะหนูหนู
พ่อกับแม่ ไม่ว่าง ต้องนั่งดู ที่เลี้ยงอยู่ ในฟาร์มวิลล์ ต้องระวัง

…ดูรูปถ่าย แต่ละคน ช่างหล่อสวย ไอ้ที่ถ่าย แล้วเฮงซวย อย่าได้หวัง
ว่าจะโพสต์ เอาไว้ ให้คนชัง สวยกันจริง หล่อกันจัง อย่างดารา
เห็นรูปถ่าย ในอดีต แล้วคิดถึง เพื่อนเพื่อนซึ่ง จากกัน นานนักหนา
จึงร่ายกลอน แซวกัน มันอุรา ไว้เจอหน้า จะหอมแก้ม ซักสองที

Just The Way You Are – Bruno Mars

Just The Way You Are

Just the Way You Are” เป็นเพลงที่ขับร้องโดย Bruno Mars (Peter Hernandez Jr.) ถูกนำมาเปิดใน  AOL Radio’s เป็นที่แรก บทเพลงนั้นได้บอกเล่าถึง ผู้ชายที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง คุณ.. สวยที่สุดสำหรับผม สวยในแบบ “Just The Way You Are” (แบบที่คุณเป็น)

Just the Way You Are – Bruno Mars

เนื้อเพลง Just the Way You Are Bruno Mars

Oh, her eyes, her eyes, make the stars look like they’re not shining

โอ้ สายตาคู่นั้นของเธอ  ช่างงดงามยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า

Her hair, her hair, falls perfectly without her trying

เส้นผมของเธอ ช่างปลิวสลวย โดยที่เธอไม่ต้องทำอะไรเลย

She’s so beautiful, and I tell her every day

เธอสวยที่สุดเลย  ฉันพร่ำบอกกับเธอทุกวัน

Yeah, I know, I know, when I compliment her she won’t believe me

ฉันรู้  เมื่อฉันชื่นชมไป  เธอมักจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันบอก

And it’s so, it’s so, sad to think that she don’t see what I see

และมันช่าง น่าเศร้า  ที่เธอไม่เห็น(ตัวเธอเอง)ในแบบที่ฉันเห็น

But every time she asks me do I look ok, I say

แต่ทุกครั้งที่เธอถามว่า “ชั้นดูดีรึยังคะ”  ฉันบอกเธอได้เลย

When I see your face, there’s not a thing that I would change

ทุกครั้ง ที่ฉันเห็นใบหน้าของเธอ  ฉันไม่เคยต้องการให้เธอเปลี่ยน

Because you’re amazing, just the way you are

นั่นเพราะว่าเธอดูดีที่สุดอยู่แล้ว  ในแบบที่เธอเป็น

And when you smile, the whole world stops and stares for a while

และเมื่อ เธอยิ้ม  โลกทั้งใบก็หยุดหมุนและจ้องมองไปที่เธอ

Because girl you’re amazing, just the way you are

เพราะเธอพิเศษที่สุด  ในแบบที่เธอเป็น

Her lips, her lips, I could kiss them all day if she let me

ริมฝีปาก เธอนั้น  ฉันจุมพิตได้ทั้งวันถ้าเธอยอม(ให้จุ๊บ)

Her laugh, her laugh, she hates but I think it’s so sexy

เสียง หัวเราะของเธอ  เธอไม่ชอบมันแต่ฉันคิดว่าเป็นเสียงที่มีเสน่ห์มากๆ

She’s so beautiful, and I tell her every day

เธอสวยที่สุดเลย  ฉันพร่ำบอกกับเธอทุกวัน

Oh, you know, you know, you know, I’d never ask you to change

เธอก็รู้  ฉันไม่มีวันบอกให้เธอเปลี่ยน

If perfect’s what you’re searching for then just stay the same

ถ้าความ สมบูรณ์แบบคือสิ่งที่เธอกำลังหาอยู่  ดังนั้นก็ควรจะคงแบบเดิมที่เธอเป็น

So, don’t even bother asking if you look ok

และอย่าถามอีกเลยว่าเธอดูดีมั้ย

You know I’ll say

เพราะเธอก็รู้ว่าฉันจะตอบว่า..

When I see your face, there’s not a thing that I would change

ทุกครั้งที่ฉันเห็นเธอ  ฉันไม่เคยต้องการให้เธอเปลี่ยนตัวเอง

Because you’re amazing, just the way you are

นั่นเพราะว่าเธอดูดีที่สุดอยู่แล้ว  ในแบบที่เธอเป็น

And when you smile, the whole world stops and stares for a while

และเมื่อ เธอยิ้ม  โลกทั้งใบก็หยุดหมุนและจ้องมองไปที่เธอ

Because girl you’re amazing, just the way you are

เพราะเธอเป็นคนพิเศษอยู่แล้ว  ในแบบที่เธอเป็น

The way you are, the way you are

ในแบบที่เธอเป็นนั่นแหละ

Girl you’re amazing, just the way you are

เธอพิเศษที่สุด  ในแบบที่เธอเป็น

When I see your face, there’s not a thing that I would change

ทุกครั้ง ที่ฉันเห็นเธอ  ฉันไม่เคยต้องการให้เธอเปลี่ยนเลย

Because you’re amazing, just the way you are

นั่นเพราะว่า  เธอดูดีที่สุดอยู่แล้ว  ในแบบที่เธอเป็น

And when you smile, the whole world stops and stares for a while

และเมื่อ เธอยิ้ม  โลกทั้งใบก็หยุดหมุนและจ้องมองไปที่เธอ

Because girl you’re amazing, just the way you are

เพราะที่รัก  เธอเป็นคนพิเศษอยู่แล้ว  ในแบบที่เธอเป็น…

MV Just the Way You Are – Bruno Mars

Bruno Marsขอบคุณเนื้อเพลงแปลจากคุณ jigabelle

การลากเส้นต่อจุด By Steve Jobs

Apple

สุนทรพจน์ที่สร้างความประทับใจไปทั่วโลกของ Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple และผู้สร้าง Macintoch

โอวาทที่ Steve Jobs ผู้สร้าง Macintosh แสดงในวันรับปริญญาของมหาวิทยาลัย Stanford เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ปี 2005 ไม่เพียงสร้างความประทับใจให้แก่บัณฑิตจบใหม่ในวันนั้น แต่ยังรวมไปถึงโลกคอมพิวเตอร์ที่ Silicon Valley และยังคงได้รับการชื่นชมและกล่าวขวัญไปทั่วโลกจนถึงวันนี้

สุนทรพจน์วันนั้น Jobs เพียงแต่เล่าถึงบทเรียนในชีวิตของเขา 3 บท แต่เป็น 3 บทที่ทำให้เขาซึ่งแม้แต่แม่ที่แท้จริงก็ไม่ต้องการ กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก

บทเรียนบทแรกของ Jobs ซึ่งเขาเรียกมันว่า “การลากเส้นต่อจุด” เริ่มต้นด้วยการเล่าว่า ตัวเขาเองไม่เคยเรียนจบมหาวิทยาลัย เพราะได้ลาออกหลังจากเรียนในมหาวิทยาลัย Reed College ไปได้เพียง 6 เดือน ส่วนเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยนั้น Jobs กล่าวว่า มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เขายังไม่เกิด

แม่ที่แท้จริงของเขา ซึ่งเป็นนักศึกษาสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ต้องการเลี้ยงดูเขา และตัดสินใจยกเขาให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่นตั้งแต่เขายังไม่ลืมตาดูโลก แต่เธอมีเงื่อนไขว่า พ่อแม่บุญธรรมของลูกของเธอจะต้องเรียนจบมหาวิทยาลัย Jobs เกือบจะได้เป็นลูกบุญธรรมของนักกฎหมายที่จบมหาวิทยาลัยและมีฐานะ ถ้าเพียงแต่พวกเขาจะไม่เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายว่า พวกเขาไม่ต้องการเด็กผู้ชาย

กว่า Jobs จะได้พ่อแม่บุญธรรม ซึ่งต่อมาเป็นผู้เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ ก็อีกหลายเดือนหลังจากเขาเกิด เนื่องจากแม่ที่แท้จริงของเขาเกิดจับได้ว่า ว่าที่พ่อแม่บุญธรรมของ Jobs ได้ปิดบังระดับการศึกษาที่แท้จริงซึ่งไม่ได้จบมหาวิทยาลัย และพ่อบุญธรรมของ Jobs ไม่ได้เรียนมัธยมด้วยซ้ำ แต่ต่อมาเธอก็ได้ยอมเซ็นยก Jobs ให้แก่พ่อแม่บุญธรรม เมื่อพวกเขารับปากว่าจะส่งเสียให้ Jobs ได้เรียนมหาวิทยาลัย

17 ปีต่อมา Jobs ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสมตามความต้องการของแม่ที่แท้จริง ผู้ไม่เคยเลี้ยงดูเขาแต่กลับต้องการกำหนดชะตาชีวิตของลูกที่ตนไม่เคยเลี้ยง ดู เพียง 6 เดือนในมหาวิทยาลัย Jobs ใช้เงินเก็บที่พ่อแม่บุญธรรมซึ่งเป็นเพียงชนชั้นแรงงานได้สะสมมาตลอดชีวิต หมดไปกับค่าเล่าเรียนที่แสนแพง Jobs ตัดสินใจลาออก เพราะเขามองไม่เห็นคุณค่าของการเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่สามารถช่วยให้เขาคิดได้ว่า เขาต้องการจะทำอะไรในชีวิต

แม้ว่าตอนนี้เมื่อมองกลับไปเขาจะรู้สึกว่า การตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งใน ชีวิตของเขา เพราะการลาออกทำให้เขาไม่ต้องฝืนเข้าเรียนในวิชาปกติที่บังคับเรียนซึ่งเขา ไม่เคยชอบหรือสนใจ แต่สามารถเข้าเรียนในวิชาที่เขาเห็นว่าน่าสนใจได้

แต่เขาก็ยอมรับว่า นั่นเป็นชีวิตที่ยากลำบาก เมื่อเขาไม่ได้เป็นนักศึกษาจึงไม่มีห้องพักในหอพัก และต้องนอนกับพื้นในห้องของเพื่อน ต้องเก็บขวดโค้กที่ทิ้งแล้วไปแลกเงินมัดจำขวดเพียงขวดละ 5 เซ็นต์ เพื่อนำเงินนั้นไปซื้ออาหาร และต้องเดินไกล 7 ไมล์ทุกคืนวันอาทิตย์ เพื่อไปกินอาหารดีๆ สัปดาห์ละหนึ่งมื้อที่วัด Hare Krishna

อย่างไรก็ตาม เขาชอบที่หลังจากลาออก เขาสามารถที่จะไปเข้าเรียนวิชาใดก็ได้ที่สนใจ และวิชาทั้งหลายที่เขาได้เรียนในช่วงนั้น ซึ่งเขาใช้เวลาทั้งหมด 18 เดือน โดยเลือกเรียนตามแต่ความสนใจและสัญชาตญาณของเขาจะพาไป ได้กลายมาเป็นความรู้ที่หาค่ามิได้ให้แก่ชีวิตของเขาในเวลาต่อมา และหนึ่งในนั้นคือ วิชา ศิลปะการประดิษฐ์และออกแบบตัวอักษร (calligraphy)

Jobs ยอมรับว่า ในตอนนั้นเขาเองก็ยังมองไม่ออกเช่นกันว่า จะนำความรู้ที่ได้จากวิชานี้ไปใช้ประโยชน์อะไรได้ในอนาคตของเขา แต่ 10 ปีหลังจากนั้น เมื่อเขากับเพื่อนช่วยกันออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh เครื่องแรก วิชานี้ได้กลับมาเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างไม่เคยนึกฝันมาก่อน และทำให้ Mac กลายเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ที่มีการออกแบบตัวอักษรและการจัดช่องไฟที่สวยงาม

ถ้าหากเขาไม่ลาออกจากมหาวิทยาลัย เขาก็คงจะไม่เคยเข้าไปนั่งเรียนวิชานี้ และ Mac ก็คงไม่อาจจะมีตัวอักษรแบบต่างๆ ที่หลากหลาย หรือ font ที่มีการเรียงพิมพ์ที่ได้สัดส่วนสวยงาม รวมทั้งเครื่องพีซี ซึ่งใช้ Windows ที่ลอกแบบไปจาก Mac อีกต่อหนึ่งก็เช่นกัน คงจะไม่มีตัวอักษรสวยๆ ใช้อย่างที่มีอยู่ในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม Jobs บอกว่า ในเวลาที่เขาตัดสินใจลาออกนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถ “ลากเส้นต่อจุด” หรือหยั่งรู้อนาคตได้ว่า วิชาออกแบบและประดิษฐ์ตัวอักษร (คอลิกราฟฟี่) จะกลายเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ในการออกแบบ Mac เขาเพียงสามารถจะลากเส้นต่อจุดระหว่างวิชาลิปิศิลป์กับการคิดค้นเครื่อง Mac ได้อย่างชัดเจน ก็ต่อเมื่อมองย้อนกลับไปข้างหลังเท่านั้น

ในเมื่อไม่มีใครที่จะลากเส้นต่อจุดไปในอนาคตได้ ดังนั้นคำแนะนำของ Jobs ก็คือ คุณจะต้อง “ไว้ใจและเชื่อมั่น” ว่า จุดทั้งหลายที่คุณได้ผ่านมาในชีวิตคุณ มันจะหาทางลากเส้นต่อเข้าด้วยกันเองในอนาคต ซึ่งจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา โชคชะตา ชีวิต หรือกฎแห่งกรรม ขอเพียงแต่คุณต้องมีศรัทธาในสิ่งนั้นอย่างแน่วแน่

บทเรียนชีวิตบทที่สองที่ Jobs เล่าต่อไปคือ ความรักและการสูญเสีย Jobs อายุเพียง 20 ปี เมื่อเขาเริ่มก่อตั้ง Apple กับเพื่อนที่โรงรถของพ่อ เพียง 10 ปีให้หลัง Apple เติบโตจากคนเพียง 2 คนกลายเป็นบริษัทใหญ่โตที่มีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์และพนักงานมากกว่า 4,000 คน

แต่หลังจากที่เขาเพิ่งเปิดตัว Macintosh ซึ่งเป็นประดิษฐกรรมสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดของเขา ได้เพียงปีเดียว Jobs ก็ถูกไล่ออกจากบริษัทที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งเองกับมือ เมื่ออายุเพียงแค่ 30 ปี หลังจากเขาทะเลาะถึงขั้นแตกหักกับนักบริหารมืออาชีพ ที่เขาเองเป็นผู้ว่าจ้างให้มาบริหาร Apple และกรรมการบริษัทกลับเข้าข้างผู้บริหารคนนั้น

ข่าวการถูกไล่ออกของเขาเป็นข่าวที่ใหญ่มาก และเช่นเดียวกัน มันเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา Jobs กล่าวว่า เขาได้สูญเสียสิ่งที่เขาได้ทำมาตลอดชีวิตไปในพริบตา และเขารู้สึกเหมือนตัวเองพังทลาย เขาไม่รู้จะทำอะไรอยู่หลายเดือน และถึงกับคิดจะหนีออกจากวงการคอมพิวเตอร์ไปชั่วชีวิต

แต่ความรู้สึกอย่างหนึ่งกลับค่อยๆ สว่างขึ้นข้างในตัวเขา และเขาก็พบว่า เขายังคงรักในสิ่งที่เขาทำมาแล้ว ความล้มเหลวที่ Apple มิอาจเปลี่ยนแปลงความรักที่เขามีต่อสิ่งที่ได้ทำมาแล้วแม้เพียงน้อยนิด เขาจึงตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งต่อมาเขาพบว่า การถูกอัปเปหิจาก Apple กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเขา เพราะความหนักอึ้งของการประสบความสำเร็จได้ถูกแทนที่ด้วยความเบาสบายของการ เป็นมือใหม่อีกครั้ง และช่วยปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ จนสามารถเข้าสู่ช่วงเวลาที่สร้างสรรค์ที่สุดในชีวิตของเขา

ช่วง 5 ปีหลังจากนั้น Jobs ได้เริ่มตั้งบริษัทใหม่ชื่อ NeXT และ Pixar และพบรักกับ Laurence ซึ่งต่อมาเป็นภรรยาของเขา Pixar ได้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนจากคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องแรกของโลกนั่นคือ Toy Story และขณะนี้เป็นสตูดิโอผลิตการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

ส่วน Apple กลับมาซื้อ NeXT ซึ่งทำให้ Jobs ได้กลับคืนสู่ Apple อีกครั้ง และเทคโนโลยีที่เขาได้คิดค้นขึ้นที่ NeXT ได้กลายมาเป็นหัวใจของยุคฟื้นฟูของ Apple

Jobs กล่าวว่า ความล้มเหลวเป็นยาขมแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนไข้ เมื่อชีวิตเล่นตลกกับคุณ จงอย่าสูญเสียความเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณรัก Jobs เชื่อว่า สิ่งเดียวที่ทำให้เขาลุกขึ้นได้ในครั้งนั้น คือเขารักในสิ่งที่เขาทำ ดังนั้นคุณจะต้องหาสิ่งที่คุณรักให้เจอ เพราะวิธีเดียวที่จะทำให้คุณเกิดความพึงพอใจอย่างแท้จริง คือการได้ทำในสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันยอดเยี่ยม และวิธีเดียวที่คุณจะทำให้คุณสามารถทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ก็คือ คุณจะต้องรักในสิ่งที่คุณทำ และถ้าหากคุณยังหามันไม่พบ อย่าหยุดหาจนกว่าจะพบ และคุณจะรู้ได้เองเมื่อคุณได้ค้นพบสิ่งที่คุณรักแล้ว

ส่วนบทเรียนชีวิตบทสุดท้ายในโอวาทของเขาคือ ความตาย เมื่ออายุ 17 ปี Jobs ประทับใจในข้อความหนึ่งที่เขาได้อ่านมา ซึ่งเสนอแนวคิดให้คนมีชีวิตอยู่โดยคิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต และตลอด 33 ปีที่ผ่านมา Jobs จะถามตัวเองในกระจกทุกเช้าว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเขา เขาจะยังคงต้องการทำสิ่งที่เขากำลังจะทำในวันนี้หรือไม่ ถ้าหากคำตอบเป็น “ไม่” ติดๆ กันหลายวัน เขาก็รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลง

Jobs กล่าวว่า วิธีคิดว่าคนเราอาจจะตายวันตายพรุ่ง เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมา ซึ่งได้ช่วยให้เขาสามารถตัดสินใจครั้งใหญ่ๆ ในชีวิตได้ เพราะเมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้า แทบทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังของคนอื่น ชื่อเสียงเกียรติยศ ความกลัวที่จะต้องอับอายขายหน้าหรือล้มเหลว จะหมดความหมายไปสิ้น เหลือไว้ก็แต่เพียงสิ่งที่มีคุณค่าความหมายและความสำคัญที่แท้จริงเท่านั้น

วิธีคิดเช่นนี้ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้คุณไม่ตกลงไปในกับดักความคิดที่ว่า คุณมีอะไรที่จะต้องสูญเสีย เพราะความจริงแล้ว เราทุกคนล้วนมีแต่ตัวเปล่าๆ ด้วยกันทั้งนั้น

เมื่อปีที่แล้ว เขาได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่ตับอ่อนชนิดที่รักษาไม่ได้ และจะตายภายในเวลาไม่เกิน 3-6 เดือน แพทย์ถึงกับบอกให้เขากลับไปสั่งเสียครอบครัวซึ่งเท่ากับเตรียมตัวตาย

แต่แล้วในเย็นวันเดียวกัน เมื่อแพทย์ได้ใช้กล้องสอดเข้าไปตัดชิ้นเนื้อที่ตับอ่อนของเขาออกมาตรวจอย่าง ละเอียด ก็กลับพบว่า มะเร็งตับอ่อนที่เขาเป็นนั้นแม้จะเป็นชนิดที่พบได้ยากก็จริง แต่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด และเขาก็ได้รับการผ่าตัดและหายดีแล้ว

นั่นเป็นการเข้าใกล้ความตายมากที่สุดเท่าที่ Jobs เคยเผชิญมา และทำให้ขณะนี้เขายิ่งสามารถพูดได้เต็มปาก เสียยิ่งกว่าเมื่อตอนที่เขาเพียงแต่ใช้ความตายมาเตือนตัวเองเป็นมรณานุสติ ว่า ไม่มีใครที่อยากตาย แม้แต่คนที่อยากขึ้นสวรรค์ก็ยังไม่อยากตายก่อนเพื่อจะไปสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครหลีกหนีความตายพ้น และเขาคิดว่า มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น Jobs เห็นว่า ความตายคือประดิษฐกรรมที่ดีที่สุดของ “ชีวิต” ความตายคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ความตายกวาดล้างสิ่งเก่าๆ ให้หมดไปเพื่อเปิดทางให้แก่สิ่งใหม่ๆ

ดังนั้น Jobs บอกว่า เวลาของคุณจึงมีจำกัด และอย่ายอมเสียเวลามีชีวิตอยู่ในชีวิตของคนอื่น จงอย่ามีชีวิตอยู่ด้วยผลจากความคิดของคนอื่น และอย่ายอมให้เสียงของคนอื่นๆ มากลบเสียงที่อยู่ภายในตัวของคุณ และที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะต้องมีความกล้าที่จะก้าวไปตามที่หัวใจคุณปรารถนาและสัญชาตญาณของคุณจะ พาไป เพราะหัวใจและสัญชาตญาณของคุณรู้ดีว่า คุณต้องการจะเป็นอะไร

(“Your time is limited, so don’t waste it living someone else’s life. Don’t be trapped by dogma — which is living with the results of other people’s thinking. Don’t let the noise of others’ opinions drown out your own inner voice. And most important, have the courage to follow your heart and intuition. They somehow already know what you truly want to become. Everything else is secondary.”)

Jobs ปิดท้ายสุนทรพจน์ของเขา ด้วยการหยิบยกวลีที่อยู่ใต้ภาพบนปกหลังของวารสารฉบับสุดท้ายของวารสารเล่ม หนึ่งที่เลิกผลิตไปตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งเขาเปรียบวารสารดังกล่าวเป็น Google บนแผ่นกระดาษ และเป็นประดุจคัมภีร์ของคนรุ่นเขา วารสารดังกล่าวมีชื่อว่า The Whole Earth Catalog จัดทำโดย Stewart Brand ส่วนวลีนั้นคือ “จงหิวโหย จงโง่เขลาอยู่เสมอ” ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาหวังจะเป็นเช่นนั้นเสมอมา

Steve Jobs’ 2005 Stanford Commencement Address

Steve Jobs’ 2005 Stanford Commencement Address (Thai Sub Title)

Fortune ฉบับเดือนกันยายน 2548
แปลและเรียบเรียงโดย เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
ขอบคุณบทความจาก Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple และผู้สร้าง Macintoch

To The Sky – Owl City เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Legend of the Guardians

To The Sky Owl City

หลายคนที่เข้าไปดูหนังเรื่อง Legend of the Guardians แล้วอาจจะเกิดความสงสัยว่าเพลงที่ใช้ดำเนินเรื่องนั้นมีชื่อว่าเพลงอะไร นั้นที่คุณกำลังตามหาอยู่นั้นมีชื่อว่าเพลง To The Sky จากศิลปินชื่อดังอย่าง Owl City เชื่อว่าคุณคงชอบเพลงนี้เหมือนกับผมแน่นอนครับ 🙂

เพลง To The Sky Owl City

เนื้อเพลง To The Sky – Owl City3

Shipwreck in the sea of faces,
There’s a dreamy world up there,
Dear friends in higher places,
Carry me away from here

Travel light let the sun eclipse you,
‘Cause your flight is about to leave,
And there’s more to this brave adventure,
Than you’d ever believe

[Chorus]
Birdseye view, awake the stars ’cause they’re all around you,
Wide eyes will always brighten the blue,
Chase your dreams, and remember me, sweet bravery,
Because after all those wings will take you, up so high,
So bid the forest floor goodbye, as you race the wind and,
Take to the sky

On the heels of war and wonder,
There’s a stormy world up there,
You can’t whisper above the thunder,
But you can fly anywhere

Purple burst of paper birds this,
Picture paints a thousand words,
So take a breath of myth and mystery,
And don’t look back!

[Chorus]
Birdseye view, awake the stars ’cause they’re all around you,
Wide eyes will always brighten the blue,
Chase your dreams, and remember me, sweet bravery,
Because after all those wings will take you, up so high,
So bid the forest a fond goodbye, as you brace the wind and,
Take to the sky

There’s a realm above the trees,
Where the lost are finally found,
Touch your feathers to the breeze,
And leave the ground

[Chorus]
Birdseye view, awake the stars ’cause they’re all around you,
Wide eyes will always brighten the blue,
Chase your dreams, and remember me, sweet bravery,
Because after all those wings will take you, up so high,
So bid the forest a fond goodbye, as you brace the wind and,
Take to the sky

[Chorus]
Birdseye view, awake the stars ’cause they’re all around you,
Wide eyes will always brighten the blue,
Chase your dreams, and remember me, sweet bravery,
Because after all those wings will take you, up so high,
So bid the forest a fond goodbye, as you brace the wind and,
Take to the sky

Legend of the Guardians

ขอบคุณเนื้อเพลงจาก http://lyricsmusicvideo.blogspot.com

เพลง ไม่มีใครผ่านมาทางนี้ 3.2.1 เต็มๆ [MV + เนื้อเพลง]

เพลง ไม่มีใครผ่านมาทางนี้ 3.2.1

ชื่อเพลง – ไม่มีใครผ่านมาทางนี้
นักร้อง  – 3.2.1

ฉันนั่งมองแต่นาฬิกา และไม่รู้ตอนนี้มันนานเท่าไหร่
ใจมันลอยหายไป ใจมันลอยหายไป หายไปไปกับสายลม

ฉันพยายามรวบรวมเรื่องราวทุกอย่าง
และฉันก็เหมือนพยายามจะลืมให้ลง
ใจที่เคยมั่นคง แต่วันนี้สับสนเหลือเกิน

เสียงจากมือถือที่เคยส่งมาให้กับฉัน นานแล้วก็ยังหวั่นไหว
การ์ดในกระเป๋าที่ฉันนั่งจดคำว่ารัก แล้วฉันยังเก็บให้ใคร

ไม่เคยจะมีใครผ่านมาทางนี้ นี่ฉันรออะไรอยู่เหรอ
รู้ตัวอีกทีมันก็เห็นแต่ (เหลือก็เพียงแต่ เหลือก็แต่) แค่น้ำตา
ไม่เคยจะมีใครกลับมาทั้งนั้น ตั้งแต่วันที่เธอเลิกลา
อยากให้รับรู้คำที่แสนธรรมดา (ที่อยากจะบอก แค่อยากบอก) ว่าคิดถึง…เธอ

เหงาเกินให้ทรมาน ยิ่งเหงานานมันจะทำให้เจ็บ
แต่ก็ยังต้องเก็บ แต่ก็ยังต้องเก็บ ซ่อนความเจ็บไว้ข้างใน

ฉันพยายามรวบรวมเรื่องราวทุกอย่าง
และฉันก็เหมือนพยายามจะลืมให้ลง
ใจที่เคยมั่นคง แต่วันนี้สับสนเหลือเกิน

เสียงจากมือถือที่เคยส่งมาให้กับฉัน นานแล้วก็ยังหวั่นไหว
การ์ดในกระเป๋าที่ฉันนั่งจดคำว่ารัก แล้วฉันยังเก็บให้ใคร

ไม่เคยจะมีใครผ่านมาทางนี้ นี่ฉันรออะไรอยู่เหรอ
รู้ตัวอีกทีมันก็เห็นแต่ (เหลือก็เพียงแต่ เหลือก็แต่) แค่น้ำตา
ไม่เคยจะมีใครกลับมาทั้งนั้น ตั้งแต่วันที่เธอเลิกลา
อยากให้รับรู้คำที่แสนธรรมดา (ที่อยากจะบอก แค่อยากบอก) ว่าคิดถึง…เธอ

Think about the time.
That really you just going now.
That you are number one.
Still here, Nothing done.
Look at baby girl with all you fly to the sky now.
Cause her leave a gap.
And take it down and you will fly with all

Keep it true there are we death with you
Keep it you
And keep the everything that gave to me with you
Still my boo
You touch check the love
Your voice in the sky
The memory wishing that you are back on

ไม่เคยจะมีใครผ่านมาทางนี้ นี่ฉันรออะไรอยู่เหรอ รู้ตัวอีกที

ไม่เคยจะมีใครกลับมาทั้งนั้น ตั้งแต่วันที่เธอเลิกลา
อยากให้รับรู้คำที่แสนธรรมดา (ที่อยากจะบอก แค่อยากบอก) ว่าคิดถึง…เธอ

Think about the time.
That really you just going now.
That you are number one.
Still here, Nothing done.
Look at baby girl with all you fly to the sky now
Cause her leave a gap
And take it down and you will fly with all

ไม่เคยจะมีใครกลับมาทั้งนั้น ตั้งแต่วันที่เธอเลิกลา
อยากให้รับรู้คำที่แสนธรรมดา (ที่อยากจะบอก แค่อยากบอก) ว่าคิดถึง…เธอ




credit เนื้อเพลงจาก siamzone.com

ออมกับตัน บทความโดยคุณตัน ภาสกรนที

ออมกับตัน

ออมกับตัน ทุกงานเลี้ยงย่อมต้องเลิกราไม่ว่างานเลี้ยงเหล่านั้นจะสนุกสนานสร้างความสุขให้เราและคนรอบข้างซักเท่าไรก็ตาม ก็คงเป็นเช่นเดียวกับการทำงานของผมที่บริษัท โออิชิกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) แทบทุกวันที่ผมเดินเข้าออกบริษัทฯ เพื่อไปทำงานหมายถึงการใช้เวลาอยู่ร่วมกับพนักงานทุกระดับชั้นกว่า 5,000 คนจนกลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่น แต่ในที่สุดก็เดินทางมาถึงวันลาจากจนได้

ในคืนวันนั้นพนักงานจัดงานเลี้ยงอำลาให้กับผม แม้จะพอคาดเดาบรรยากาศของงานมาก่อนหน้านี้อยู่บ้าง แต่พอถึงวันสุดท้ายจริงๆ ผมเองกลับไม่ได้เตรียมพร้อมกับน้ำตามากมายของพนักงานในคืนนั้น ผมคิดว่าน้ำตาของพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเสียใจเพราะผมก็ไม่ได้หายไปไหนก็ยังวนเวียนอยู่ในธุรกิจให้พวกเขาได้เห็นหน้าเหมือนเดิม แต่มันคือน้ำตาแห่งความผูกพันของสมาชิกในครอบครัวที่เรามีให้กันมาตลอด 11 ปีเต็ม งานเลี้ยงที่แสนประทับใจร่วมกับความสามัคคี ทุ่มเทกายใจของพนักงานทั้งหมดที่มอบให้ผมมาตลอด มันเป็นของขวัญชิ้นโตที่พวกเขามอบให้

และผมเองก็ตั้งใจที่จะมอบของขวัญชิ้นพิเศษให้กับพนักงาน… ผมเตรียม “กระปุกออมกัปตัน” ไว้เป็นของขวัญให้พนักงานทุกคนของผมในคืนนั้น ที่กล่องใส่กระปุกมีข้อความว่า "จำได้ไหม สมัยเด็กๆ ที่คุณหยอดกระปุกเพื่อเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่หนอมันจะเต็ม พอถึงวันที่กระปุกเต็มแล้วต้องทุบ ทั้งดีใจที่จะได้ของเล่นใหม่ แต่ก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก การออม.. ทำให้เราสุขใจ ปลอดภัย และมั่นคง แต่การใช้เงิน สร้างสุขได้เพียงประเดี๋ยวประด๋าว ความเต็ม ไม่วัดด้วยมูลค่าของเหรียญที่หยอดลงไป แต่อยู่ที่ความสม่ำเสมอและความตั้งใจจริง"

ผมอยากบอกพวกเราทุกคนว่า การออมเหมือนเป็นการฝึกจิตใจ ฝนนิสัย ให้มุ่งมั่นตั้งใจจนบรรลุเป้าหมาย ลองเริ่มต้นจากความสำเร็จเล็กๆ ด้วย กระปุกกัปตันใบนี้ ผมเชื่อว่าต่อไปไม่ว่าเรื่องไหนๆ เราก็สามารถทำให้สำเร็จได้ กระปุกอ้วนๆ หลายสีเหล่านี้ดูผ่านๆ มันคงเหมือนกระปุกออมสินทั่วไป หากแต่ความตั้งใจจริงของผมมีมากการออมเงิน ผมทำมันขึ้นมาเพราะต้องการให้กระปุกออมกัปตันเป็นสัญลักษณ์ของการมุ่งมั่นทำอะไรอย่างสม่ำเสมอเพื่อไปให้ถึงฝันของคุณที่ตั้งใจไว้

ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มหยอดเหรียญลงกระปุกให้เป็นความจริงขึ้นมา มีคนถามผมตลอดเวลาว่าทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทั้งๆ ที่พวกเขาทั้งประหยัด ทั้งขยัน ทั้งอดทนต่อสู้ทำตามแบบอย่างที่คนประสบความสำเร็จทำมาแล้วทุกอย่าง แต่ทำไมธุรกิจของเขาถึงยังล้มลุกคลุกคลานไม่เป็นท่า คำตอบที่ผมมักจะพูดไปก็คือ “เพราะคุณยังทำไม่พอไงล่ะครับ” การจะประสบความสำเร็จได้ อยู่ที่การทำอย่างสม่ำเสมอ ทำมันอยู่ตลอดเวลา ทำอย่างไม่ยอมท้อถอย ทุกคนล้วนต้องเจออุปสรรคไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง แต่บางคนเจอครั้งเดียวก็เลิกแล้ว ในขณะที่บางคนยังกัดฟันสู้ต่อเจอครั้งที่สอง ครั้งที่สามก็ยังไม่ยอมแพ้แต่พอมาถึงครั้งที่ห้าสิบกลับถอดใจไปตรงนั้น กฎของการประสบความสำเร็จในธุรกิจได้ไม่ได้อยู่ที่คุณคิดได้ก่อนใคร คุณเริ่มทำก่อน หรือใครทำมากกว่า แต่ทั้งหมดคือการมุ่งมั่นทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ยอมแพ้ ก็เหมือนกับการหยอดกระปุกไงครับ ไม่ว่าคุณจะหยอดครั้งละหนึ่งร้อยบาท หรือจะหยอดครั้งละบาท ถ้าคุณหยอดมันทุกวันมันก็ต้องเต็มจนได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ทำธุรกิจก็เหมือนกัน…ถ้าใส่ความพยายามและความอดทนเข้าไปในชีวิตทุกวัน คุณก็มีสิทธิ์ประสบความสำเร็จเข้าซักวัน ไม่มีใครหลุดจากกฎนี้ไปได้เว้นเสียแต่ว่าคุณจะหยุดทำแค่นั้นเองครับ

โดยคุณตัน ภาสกรนที

ชั่วฟ้าเกย์สลาย

หลังจากที่เปิดตัว คลิปล้อเลียนตัวอย่างหนังเรื่อง กวน มึน โฮ ไปแล้ว มาถึงคลิปล้อเลียนตัวอย่างหนังเรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย กัน คลิปนี้มีชื่อว่า ชั่วฟ้าเกย์สลาย คลิปนี้ติดเรทนิดหนึ่ง แต่แรงพอๆ กับตัวอย่างหนังเรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย แน่นอน

จากทีมผู้สร้าง เกย์ มึน โฮ สู่ ชั่วฟ้าเกย์สลาย จะเป็นเช่นไร.. ลองไปชม ชั่วฟ้าเกย์สลาย กัน 😉