งานโคมลอยยี่เป็งธุดงศสถานล้านนา (แม่โจ้) 2556

สำหรับงานงานโคมลอยยี่เป็งธุดงศสถานล้านนาประจำปี 2556 นี้กำหนดการจัดงานมีวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2556 งานโคมลอยเริ่มตั้งแต่ 18.30 น. ครับ สถานที่ก็ที่เดิมเลยครับที่ธุดงศสถานล้านนาหลังมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สามารถดูแผนที่จาก Google ได้ที่นี้ครับ สำหรับทุกๆ ปีนั้นจะมีจำนวนคนมาเยอะมากๆ จึงแนะนำให้ไปก่อนเวลาจัดงาน 2 ชั่วโมงครับ เพราะไปช้าอาจจะเข้าไปในตัวงานลำบากรวมไปถึงที่จอดรถก็หายากด้วยครับ

คลิปบรรยายกาศภายในงาน

ภาพบรรยากาศหลายปีที่ผ่านมา

ปิดท้ายด้วยรูปเพื่อนรักสองคนมองตากันหวานๆ แล้วกัันครับ 55 5 5

ลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO

วันนี้ผมจะมาแนะนำให้ทุกท่านทราบถึงลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO ซึ่งทุกๆเรื่องที่ผมพูดไปนั้น ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญในการจัดอันดับทั้งสิ้น ทั้งนี้หากลักษณะโครงสร้างของเว็บเราดีแล้ว มันจะทำให้การทำอันดับของเราง่ายขึ้นมาก ๆ ครับ บ้างครั้งไม่ทำอะไรเลย ปรับแค่โครงสร้างของสามารถขึ้นไปอยู่ในหน้า 1 ได้เลยครับ ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า ทั้งหมดที่ผมจะกล่าวไปนี้ปัจจุบัน Search Engines ไม่ได้นำไปจัดอันดับแล้วนะครับ แต่มันก็ยังมีความสำคัญต่อการทำ SEO อย่างมากเลยละครับ

มาดูกันดีกว่าครับว่าลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO นั้นเป็นอย่างไร ดูที่รูปก่อนนะครับ

ลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO
[ SEO ] ลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO

URL : วิธีเช็ค Index ใน Domain และ SubDomain ของโดเมนนั้นๆ

  1. Title ต้องมี Keyword ที่ค้นหา ซึ่ง Title คือส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้าง อีกทั้งยังปรับโครงสร้างได้ง่ายที่สุด นี้เป็นตัวอย่าง Code ครับ
    <title>Sutenm.com » Blog Archive » วิธีเช็ค Index ใน Domain และ SubDomain ของโดเมนนั้นๆ</title>

  2. Meta Description ต้องมี Keyword ที่ค้นหา Meta Description ก็คือคำสั่งในภาษา HTML ที่ประกาศไว้ภายใน Hearder Tag หรือภายในคำสั่ง <head></head> นั้นเองครับ ความยาวของ Description ไม่ควรเกิน 200 อักษรครับ หากยาวไปมันก็จะไม่แสดงผลนั้นเองครับ นี้เป็นตัวอย่าง Code ครับ

    <meta name=”description” content=”วันนี้ผมมจะมาแนะนเรื่องวิธีเช็ค Index ใน Domain ของเราครับ เช่นโดเมนของผมคือ www.sutenm.com และมี SubDomain คือ” />

    ซึ่งการปรับแต่ง Description นั้นไม่มีผลกระทบกับตำแหน่งของคุณใน Search Engines ครับ แต่มันคือส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ที่ค้นหาทราบว่าในเว็บของเรามีอะไร(แน่นอนว่าในบทความของเราจะต้องมี Keyword คำที่ค้นหาอยู่ด้วยครับ) ซึ่งส่วนมากมักจะกำหนดให้มันเป็นแบบ Static คือกำหนดคำที่เราต้องการให้โชว์ใน Search Engines เข้าไปเลย ซึ่งมันก็แล้วแต่ลักษณะความต้องการของเราอีกทีครับ แต่หากเราไม่ใส่ Description ไปนั้นใน Google มันจะไป Random Description มาให้เราครับ ซึ่งในเว็บนี้ผมก็ไม่ได้ใส่ไว้ครับ
  3. URL ต้องมี Keyword ที่ค้นหา หรือบางท่านอาจจะเรียกว่า URL Structure ครับ สำหรับวิธีปรับแต่ง URL ให้เป็น URL Structure นั้นจะใช้วิธีการเขียน .htaccess ไฟล์ไปวางใน Root Directory ครับซึ่ง Hosting ที่เราใช้บริการอยู่จะต้อง Support htaccess ด้วยนะครับ
  4. Meta Keyword คือ Keyword ที่เราต้องการเน้นในหน้านั้น ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับเนื้อหาในเว็บของเรา หากมีคนค้นหาใน Keyword นั้น ๆ แล้วต้องการให้เว็บของเราแสดงออกมา ซึ่งเราสามารถใส่ได้หลายๆ คำโดยใช้่เครื่องหมาย , คั่นครับ
    <meta name=”keywords” content=”Check Index, Domain, Site:, SubDomain, เช็ค Index” />

ทั้งหมดที่กล่าวมันนั้นคือลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO นะครับ ซึ่งส่วนสำคัญคือ 3 ข้อแรกครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเว็บของเราโครงสร้างไม่ดี ก็ใช่ว่าจะขึ้นไปอยู่ในอันดับดี ๆ ไม่ได้นะครับ แต่หากเราปรับโครงสร้างเว็บของเราแล้วจะทำให้การทำ SEO ขึ้นตอนต่อไปมันง่ายขึ้นอีกเยอะครับ

Remote Assistance – ผู้ช่วยระยะไกล

ทำอย่างไรให้สามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูล หรือทำงานในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไกลออกไป.. เช่น ระหว่างเชียงใหม่กับกรุงเทพ ระหว่างประเทศไทยกับอาเมกา วันนี้มีคำตอบแล้วครับ Remote Assistance สามารถเข้าไปจัดการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไกลออกไปได้โดยเขาก็สามารถเห็นเราแก้ไขจอเขาได้ .. มาดูกันดีกว่าครับ

My Redeemer Lives – Team Hoyt เรื่องจริงของพ่อ(Dick) ลูก(Rick) คู่หนึ่ง

คลิปที่มี View บน youtube.com นัีบ 1.4 ล้าน View มี Comments นับ 1000 Comments ขอบคุณคลิปนี้ที่ทำให้เรามีกำลังใจ

My Redeemer Lives – Team Hoyt

True Story …
เรื่องจริง …

A son says to his father: ‘Dad, would you be willingly to run a marathon with me?’
วันนึงลูกชายได้พูดกับพ่อของเขาว่า “พ่อครับ พ่อจะไปวิ่งมาราธอนกับผมได้ไหม”

The father, despite his age and a heart disease, says ‘YES’.
ถึงแม้ว่าตัวคุณพ่อเองจะอายุมากแล้ว แถมยังเป็นโรคหัวใจ เขาเลือกที่จะตอบลูกของเขากลับไปว่า “ได้ซิลูก”

And they run that marathon, together.
หลังจากนั้นทั้งสองก็วิ่งมาราธอนด้วยกัน

The son asks: ‘Dad, can you run another marathon with me?’ Again father says ‘YES’.
อีกวันนึง ลูกชายได้ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า “พ่อครับ พ่อจะวิ่งมาราธอนกับผมอีกครั้งได้ไหม” แน่นอนว่า พ่อตอบกลับไปว่า “ได้ซิลูก”

They run another marathon, together.
เขาทั้งสองก็ได้วิ่งมาราธอนรายการอื่นอีกครั้งด้วยกัน

One day the son asks his father: ‘Dad, would please do the Iron Man with me?’
และอีกวันนึง ลูกชายก็ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า “พ่อครับพ่อจะลงแข่ง Iron Man กับผมได้ไหม”

Now just in case you wouldn’t know, ‘The Iron Man’ is the toughest triatlon in existance; 4km swimming, then 180 km by bike, and finaly another 42 km running, in one stroke.
(สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า Iron Man คืออะไร มันก็คือไตรกีฬานั่นเองในภาษาไทย รายการนี้จะรวมมนุษย์เหล็กจากทั่วโลกมาแข่งขันกันโดยแบ่งออกเป็นว่ายน้ำ 4 กิโลปั่นจักรยาน 180 กิโลและวิ่ง 42 กิโล โดยไม่มีการหยุดพักใครเข้าเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ)

Again father says ‘YES’
และก็อีกครั้งหนึ่งที่ผู้เป็นพ่อไม่ได้ตอบปฏิเสธ “ได้ซิลูก”

Maybe this doesn’t ‘touch’ you yet by heart … until you see this movie (put on sound!):
บางทีบทสนทนานี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ และยังไม่เกิดความประทับใจกับมัน…จนกระทั่งคุณได้ดูคลิปต่อไปนี้

ข้อมูลอื่นๆ

Dick Hoyt คุณพ่อวัย 65 ปี ของ Rick Hoyt ลูกชายวัย 43 ปี สองพ่อลูกจากรัฐ Massachusetts ได้เข้าร่วมการแข่งขันกรีฑามากมายถึงเก้าร้อยกว่ารายการ รวมถึงกีฬาการแข่งขันไตรกีฬาสุดโหด ที่การแข่งขันประกอบด้วย การว่ายน้ำ ในทะเล ระยะทาง 3.86 กม.ปั่นจักรยาน ระยะทาง 180.2 กม.และการวิ่งมารธอนระยะทาง 42.195 กม. ซึ่งในคนปกติก็ยากหนักหนาอยู่แล้ว แต่พ่อลูกคู่นี้ไม่ธรรมดา!!!

Rick ลูกชายป่วยด้วยภาวะสมองพิการหรือ cerebral palsy เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนจากสายสะดือพันคอตั้งแต่แรกเกิด หมอที่ดูแลบอกว่าเขาต้องตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าเป็น “ผัก” และบอกให้ทิ้งลูกไว้เมื่อเขาอายุได้แปดเดือน แต่ผู้เป็นพ่อและครอบครัวไม่ท้อใจ พวกเขาพา Rick กลับบ้านและเพียรพยายามเลี้ยงลูกอย่างดี

เมื่ออายุ 12 Rick ได้เรียนรู้โดยการพิมพ์ผ่าน computer ที่ออกแบบพิเศษโดยใช้การเคลื่อนไหวของศีรษะ คำแรกที่เขาพิมพ์คือ “Go Bruins!” ( Bruins เป็นชื่อทีม ice hocky ที่มีชื่อ) ทำให้ครอบครัวได้รู้ว่า Rick เป็นแฟนกีฬาตัวยงเลยทีเดียว

ปี 1977 สองพ่อลูกได้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งระยะทาง 5 ไมล์เป็นครั้งแรก และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันอีกหลายครั้ง รวมถึงปัจจุบันพวกเขาในนาม “Team Hoyt” ได้เข้าร่วมการแข่งขันถึง 958 รายการ (นับถึง ม.ค. ปีนี้) ซึ่งเป็นไตรภาคีถึง 224รายการ

Dick ใช้อุปกรณ์พิเศษอันได้แก่ ที่นั่งด้านหน้าติดจักรยาน เรือพิเศษเวลาว่ายน้ำและ wheelchairเวลาวิ่ง พาลูกชายของเขาเข้าร่วมการแข่งขันไปทุกหนแห่งช่างเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่

“สิ่งเดียวที่เป็นความแตกต่างระหว่างเนินดินกับภูเขา นั่นก็คือบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่าทัศนคติ”
Dick Hoyt

I CAN do all things through Him who strengthens me

“ผมสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ผ่านเขา บุคคลที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น”
Rick Hoyt

Dick Rick

The Hoyt Foundation Inc.
Address : Team Hoyt
241 Mashapaug Road
Holland MA 01521
Fax : (413) 245-9554
Email : [email protected]
Web: www.teamhoyt.com

9 เทคนิคฝึกสมองไบรท์

  1. จิบน้ำบ่อย ๆ (Drink water very often) สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมอง ก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ
  2. กินไขมันดี (Enjoy good Omega 3) คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดี ไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วยปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น
  3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที (Meditation 12 min a day) หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน
  4. ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific intention) การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
  5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ (Laugh and Smile) ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น ให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ
  6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new thing everyday) สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และ สร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
  7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself, reduce brain stress) ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง
  8. เขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful journal, good things in life every day) ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มี ครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
  9. ฝึกหายใจลึก ๆ (Deep breath) สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 % การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม

โดยวนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพจาก ม.ฮาร์วาร์ด

วิธีการเขียนข้อเสนอโครงการและวิธีเลือกโครงการ

วิธีเลือกโครงการ

การเลือกโครงการที่เราจะทำนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของเราเอง แต่วิธีที่ทำให้โครงการประสบความสำเร็จ คือการเลือกหัวข้อโครงการที่เราถนัดอยู่แล้ว เช่น เราชอบเล่น เกม อาจะทำโครงการเกี่ยวกับเกม ชอบเสื้อผ้า อาจจะทำ E-Commerce เกี่ยวกับเสื้อผ้า เป็นต้น หรืออาจจะเลือกจากการมองเห็นปัญหาในระบบงานเดิม ซึ่งโครงการมักจะเกิดจากปัญหาบางประการ หรือเป็นการต่อยอด / ปรับปรุงของที่มีอยู่แล้วเพื่อให้ดีขึ้น เราต้องมองปัญหาในระบบงานเดิมให้ออกว่ามีปัญหาอะไร มีปัญหาตรงจุดไหน วิธีแก้คืออะไร เพื่อออกแบบระบบงานให้ตรงกับความต้องการของ User ให้มากที่สุด การได้มาซึ่งปัญหาที่ดีที่สุดคือการเก็บ Requirement (Requirement เป็นการรวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนที่เกี่ยวกับความต้องการ ระหว่างผู้พัฒนาระบบกับผู้ใช้งาน) ดังนั้น Requirement จึงเป็นเสมือนกับหัวใจของโครงการที่ต้องการจะจัดทำ ซึ่งจะต้องให้ผู้อื่นเห็นความสำคัญของโครงการเราให้ได้

วิธีการเขียนข้อเสนอโครงการ

1. การตั้งชื่อโครงการ บ่อยครั้งที่การตั้งชื่อโครงการเป็นสิ่งที่ยากที่สุด ชื่อโครงการที่ดีควรจะครอบคลุมเกี่ยวกับโครงการที่เราทำ ไม่ยืดยาวจนเกินไป ฟังดูแล้วน่าสนใจ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกถึงแนวคิดที่เราต้องการสื่อในการจัดทำโครงการ

2. หลักการและเหตุผล เป็นการบรรยายถึงสิ่งที่เราต้องการทำ ซึ่งส่วนตัวผม แบ่งออกเป็น 3 วรรค

วรรคแรก ระบุถึงที่มาที่ไป ประวัติโดยย่อ และปัญหาในระบบงานเดิม ซึ่งหากมีตัวเลขที่เป็นสถิติเข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้โครงการดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น(อย่าลืมระบุแหล่งอ้างอิงของสถิตินะครับ)
วรรคสอง จะกล่าวถึงระบบงานที่เราจะใช้แก้ปัญหา ต้องอธิบายว่าทำไปเพื่ออะไร ทำอย่างไร มีความสำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องมีโครงการนี้
วรรคสาม ส่วนมากจะเป็นสรุปจากวรรคสอง และกล่าวถึงการต่อยอดของโครงการ ว่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับอะไรได้บ้าง สามารถเพิ่มเติมอะไรได ้หลังจากโครงการเสร็จแล้ว เป็นต้น

3.วัตถุประสงค์ของโครงการ เป็นการสรุปจากหลักการและเหตุผลว่าเราจะทำอะไรและทำไปเพื่ออะไร นิยมเขียนออกเป็นข้อๆ โดยเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง โดยระบุวัตถุประสงค์และตัวแปร เช่น
หัวข้อเรื่อง “ระบบงานประมูลสินค้า”
วัตถุประสงค์ของโครงการ

  1. เพื่อศึกษาระบบงานประมูลสินค้า
  2. เพื่อออกแบบระบบงานประมูลสินค้าผ่านเครือข่าย Internet

เป็นต้น

4.ขอบเขตของโครงการ ต้องระบุขอบเขตการศึกษาและการทำงานให้ชัดเจน ไม่มากจนอาจทำไม่สำเร็จตามระยะเวลาที่กำหนด หรือน้อยจนเกินไป เทคนิคการเขียนขอบเขตของโครงการคือพยายามเขียนให้น้อยๆเข้าไว้ ซึ่งหากเราสามารถทำให้เสร็จ ได้ตามขอบเขตแล้ว เราสามารถเพิ่ม Option ที่เราต้องการได้อีกด้วย ทำให้ดูเสมือน โครงการของเราพัฒนาไปได้ไกล มากจากขอบเขตอีกด้วย

5.ระยะเวลาดำเนินการ เป็นการระบุขึ้นตอนการทำงานแต่ละขึ้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสิ้นสุดการศึกษา ซึ่งจะต้องกำหนดระยะเวลาทุกขึ้นตอน
ตัวอย่าง
ขึ้นตอนการทำงาน

  1. ศึกษาค้นคว้าระบบงาน
  2. รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับระบบ
  3. วิเคราะห์และออกแบบฐานข้อมูล
  4. ออกแบบฐานข้อมูล
  5. เขียนโปรแกรม
  6. ทดสอบการทำงานของระบบ
  7. ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาด
  8. จัดทำเอกสารประกอบการใช้งาน

6.ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ สามารถนำวัตถุประสงค์ของโครงการมาเป็นประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับได้ เช่น

  1. ได้ศึกษาระบบงานประมูลสินค้า
  2. ได้ระบบงานประมูลสินค้าผ่านเครือข่าย Internet

เป็นต้น

นี้คือตัวอย่าง เป็นโปรเจคจบ ปวส. ที่โปลิเทคนิคลานนา ชื่อโครงการ เว็บไซต์โรงเรียนจอมทอง
http://www.sutenm.com/download/chomthong.rar

เว็บปั่น คืออะไร?

วันนี้ผมจะมาอธิบายรูปและความหมายของเว็บปั่นครับ เนืองจากเห็นว่าหลายๆ ท่านอาจจะ “เข้าใจคำนี้ผิดไป!!” มาเริ่มต้นกันครับผมเริ่มรู้จักเว็บปั่นครั้งแรกกับโปรแกรมปั่ม Blog ของ WordPress ครับในโปรแกรมนี้มันจะโพสเนื้อหาลงไปเรื่อยๆ ได้ทุกๆ วันเองเลย(แต่ต้องตั้งเวลาไว้ก่อนนะครับ) มันทำให้สร้าง Blog ได้เป็น 100 เว็บภายใน 1 วันเท่านั้น!! เนื้อหาภายในละมันเอามาจากไหน!! มันดึงมาจาก Database ครับ เป็นเนื้อหาที่โพสตามเว็บคุณภาพนี้ละ แต่เขาแค่ Copy มาครับ เอาละเกริ่นมาพอแล้วครับ มาเริ่มสักที ผมจะบอกว่าเว็บปั่นนั้นมันไม่ใช่เว็บขยะ หรือเว็บ Spam ครับ !! เพราะเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของมันสามารถเป็นที่อ่านแล้วก็เข้าใจได้ เพราะเอาเนื้อหาจากเว็บคุณภาพมา .. แล้วทำไมเขาถึงเรียกเว็บปั่น .. เพราะว่ามันเป็นเว็บไซต์ที่สร้างได้ง่ายๆ ครับ ปกติเว็บปั่นจะสร้างได้โดยใช้โปรแกรมในการสร้างเช่น HyperVRE , DoorwayPage Generator Pro เป็นต้น พวกนี้ครับ หรืออีกประเภทหนึ่งของการสร้างคือเว็บ Gen เช่น TWG (Thai Web Generator) , AOM (Associate-O-Matic) ครับ โปรแกรมพวกนี้มันจะนำเนื้อหาที่เราต้องการนั้นมาสร้างเว็บแบบง่ายๆ ให้เราขึ้นมาได้ครับ เพราะเฉพาะความหมายของเว็บปั่นก็คือเว็บไซต์ที่สามารถสร้างได้ง่ายๆ และสามารถสร้างได้ในปริมาณมากๆ โดยเนื้อหาภายในจะเป็นเนื้อหาที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ครับ

สรุปแล้วเว็บปั่นจะมีเนื้อหาภายในเป็นอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้สร้างครับ ซึ่งส่วนมากโปรแกรมพวกนี้จะพยายามสร้างเว็บปั่น ให้มีลักษณะเหมือนเว็บคุณภาพให้มากที่สุด ..