Domain Authority คืออะไรแล้วทำยังไงให้ domain เป็น authority

Domain authority (DA) มีอยู่หลักการให้คะแนนอยู่ตั้งแน่ 1-100 ครับ ซึ่งปัจจัยสำหรับการให้คะแนนนั้นก็มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนครับ แต่โดยหลักๆ แล้วก็จะมีอยู่ 3 ปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงกับ Domain Authority นี้ครับ ก็คือ

  1.  Domain Age (อายุโดเมน) ทุกๆ วันนี้ถ้ามองง่ายๆ ก็คือจะมีเว็บจำนวนมากมายมหาศาลที่เกิดใหม่ทุกๆ นาที ซึ่งแน่นอนถ้าหากว่าจะจัดให้ Domain ที่เกิดใหม่ได้คะแนนก็คงไม่ได้ เพราะว่า Domain เกิดใหม่ทั้งหลายนี้มีโอกาศที่จะเป็นเว็บที่ไม่มีคุณภาพสูง มากกว่าเว็บที่เกิดมาแล้วสักพักหนึ่ง  ซึ่งตรงนี้เราสรุปได้ว่าอายุโดเมนนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับการให้คะแนน Domain Authority ยิ่งอายุเยอะ การจะได้คะแนนก็สูงมากตามไปด้วยครับ ส่วนเว็บที่เกิดใหม่นั้นเมื่อไรคะแนน Domain Authority ถึงจะขึ้น?  อันนี้หลังจากที่ผมทดสอบสักพักทำให้คาดการณ์ได้ว่าอย่างเร็วที่สุดที่จะขึ้นก็คือ 4 เดือนครับ แน่นอนว่าตัวเลขนี้ไม่ตายตัวครับ จะปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงเมื่อไรก็ไม่มีใครรู้ ทุกท่านต้องทดสอบด้วยตนเองเรื่อยๆ ครับ
  2. Domain Size (ขนาดเว็บไซต์) หมายถึงจำนวนเนื้อหาในเว็บไซต์ว่ามีจำนวนมากแค่ไหน ซึ่งตรงนี้ Google ไม่รู้หรอกครับว่าเว็บมีเนื้อหามากน้อยแค่ไหนในปกติ แต่หากมองอีกมุมหนึ่งเราก็จะสังเกตได้จากจำนวน Index ครับ หากว่าเว็บไซต์ที่มีจำนวน Index เยอะๆ ก็จะได้ Domain Authority เพิ่ม “แต่” ไม่ใช่การปั่น Index นะครับ ซึ่งตรง Index ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีการตรวจสอบอีกว่าหน้านั้นเป็น Page Authority ด้วยหรือป่าว แล้วอะไรคือ Page Authority ล่ะ? Page Authority ก็คือหน้าเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ โดยรวมแล้วก็คือหน้าเว็บที่มีการเขียนบทความที่ดีและเป็นการเขียนบทความขึ้นมาด้วยตัวเอง
  3. Domain popularity (outbound Link & inbound Link) เป็นการเกี่ยวจัดการเกี่ยวกับ การทำ outbound Link และ inbound Link ซึ่งความหมายของทั้งสองคำในภาษาบ้านๆ เลยก็คือว่าการทำ link ข้างนอกเว็บไซต์ และ การทำ link ข้างในเว็บไซต์ หลักการทำ outbound Link คือการทำ Backlink เข้ามาสู่เว็บไซต์ โดยเน้นที่มีคุณภาพและมีคะแนน Domain Authority ที่ดี ส่วนนี้สำคัญมากหากว่าเราหา Backlink จากเว็บไซต์ที่คะแนน Domain Authority ไม่ดีนั้นจะทำให้เว็บไซต์เราอันดับหายไปได้ และหากว่ามี Link จากที่คะแนน Domain Authority ไม่ดีจำนวนมากๆ นั้นหมายถึงเว็บของคุณก็จะได้คะแนน Domain Authority ต่ำมากๆ ไปด้วย เพราะเฉพาะนั้ทุก Link ที่เข้ามาสู่เว็บไซต์เราต้องคัดสรรครับ เลือกให้ดีก่อนถ้าจะซื้อ Backlink ก็ให้ผู้ขาย Backlink บอกคะแนน Domain Authority มาให้เราดูด้วยครับ ส่วน inbound Link ก็คือการเชื่อมโยง Link ภายในเว็บไซต์เอง หมายความว่ามีการทำ Link กันไปมาระหว่างบทความ และในหน้าเพจต่างๆ แบบไม่น่าเกียจจนเกินไปนะครับ เชื่อมกันแบบพอดีเฉพาะบทความที่ต้องการอ้างอิงถึง บทความที่ผู้อ่านจำเป็นต้องรู้หรือต้องการรู้ครับ
Domain Authority
เปรียบเทียบ Domain Authority ของเว็บไทย ภาพนี้เช็คจาก robingupta.co

แน่นอนครับว่าปัจจุบันนี้ทุกๆ Search Engine ได้ปรับเปลี่ยนการจัดอันดับตลอดเวลา การให้คะแนน Domain Authority ก็คืออีก 1 หลักการที่เพิ่มเข้ามาเพื่อคัดสรรเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ  ให้แสดงบนหน้าการค้นหาครับ ซึ่งการตรวจสอบคะแนน Domain Authority  ก็มีอยู่หลายๆ วิธีครับ จะเข้าไปเช็คจากในเว็บไซต์ก็ได้ครับที่ http://www.robingupta.co หรือว่าจะใช้ Plugin ของ Firefox ก็ได้ครับ ชื่อ SEO Toolbar by SEOmoz และคราวหน้าหากว่ามีบทความดีๆ เกี่ยวกับ SEO ผมก็จะมาอัปเดทให้เรื่อยๆ นะครับ ไม่หายหน้าหายตาไป เป็น 2 ปีกว่าๆ แบบนี้แล้วครับ

Bing มาแรงแซงทุกโค้ง(จริงหรือ?~) วิเคราะห์ Bing แบบเจาะลึกในเชิง SEO

Bing
Bing

ช่วงนี้ผมเห็นว่า Search Engine ตัวใหม่ล่าสุดของ Microsoft ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 นี้ กำลังมาแรงจริงๆ (ในด้านชื่อเสียง) เพราะ Microsoft ได้รวมหัวกับ Yahoo ซึ่งเป็น Searh Engine ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจาก Google (จากการจัดอันดับของ Alexa.com เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2552 ) ซึ่งก่อนหน้านี้ Bing ก็ไม่ได้เป็นที่สนใจของพวกเราชาว Marketing เท่าไร  เพราะส่วนแบ่งการตลาดยังไม่มากมายเพียงพอที่จะต้องไปลงทุนลงแรงในการโปรโมทเว็บไซต์  แต่สำหรับตอนนี้กระแสข่าวเกี่ยวกับ Bing มาแรงมาก  ชนิดที่ว่าคุณโซวบักท้งต้องออกมาพูดถึงวิธีการทำ SEO กับ Bing กันเลยทีเดียว  วันนี้ผมจึงมาทำการวิเคราะห์การตลาดของ Bing ว่าจะเป็นยังไง

Continue reading “Bing มาแรงแซงทุกโค้ง(จริงหรือ?~) วิเคราะห์ Bing แบบเจาะลึกในเชิง SEO”

วิธีการทำ SEO ขั้นพื้นฐาน

1.ทำการปรับแต่งเนื้อหาของเว็บไซต์ให้มีความน่าสนใจ และเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ ทุกวัน
2.ทำการปรับปรุง MATA Tag ของเว็บไซต์ให้ตรงกับเนื้อหาในแต่ละหน้า (Keywords , Descriptions , Title Tags)
3.ทำการเพิ่มปริมาณของ Backlink ที่มีคุณภาพให้กับเว็บไซต์ให้ได้เยอะที่สุด วิธีการที่ง่ายที่สุดคือทำการ Submit Articlesกับเว็บไซต์submityourarticle.com แต่เราต้องเขียนเนื้อหาให้ถูกต้องตามหลักการของภาษาอังกฤษก่อนนะครัให้ง่ายๆ ก็จ้างเขาเขียนเอาก็ได้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 $ ต่อ Article
4.ให้ Keyword ที่ผู้ใช้ต้องการค้นหาอยู่ใน URL ของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น ผมต้องการทำ SEO ให้กับ Keyword “Error-หน้า-404″ก็จะเพิ่มคำว่า”Error-หน้า-404″ไว้ในURLของเว็บไซต์ http://www.sutenm.com/2008/09/01/วิธีจัดการ-Error-หน้า-404/ ไว้ในเว็บไซต์ด้วย
5. รอตรวจสอบผลการทำงานเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน โดยใช้วิธีการเช็ค Backlink ,
PR จาก Search Engine โดยสามารถเข้าไปเช็ครายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ iwebtool.com

SEO สำคัญอย่างไร

SEO สำคัญกับธุรกิจหลายๆ ธุรกิจ เพราะการทำ SEO จะส่งผลดีต่อเว็บไซต์ทำให้เพิ่มจำนวนคนที่
เข้าเว็บไซต์ ยกตัวอย่างของตลาดที่นิยมทำ SEO เช่น ท่องเทียว สินค้าอิเล็กทรอนิค หนังสือ
เครื่องแต่งกาย Mp3 หนัง ฯลฯ เพื่อให้เห็นความชัดเจนของการทำ SEO จึงลำดับเป็นหัวข้อได้
ดังนี้
1. ผู้ใช้ Internet จำนวนมากใช้ Search Engine ในการค้นหาเว็บไซต์
2. การทำ SEO สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนที่สูงมาก
3. เว็บไซต์ที่ทำ SEO สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายๆ ด้าน ( ในการทำ Internet Marketing )

คำศัพท์พื้นฐานของ SEO

1. Keyword คือคำพูดหรือประโยค ซึ่งคำว่า Keyword มาจากคำที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลจาก Search Engine เราสามารถตรวจสอบว่า Keyword นี้มีคนค้นหามากน้อยเพียงใดได้จากเว็บไซต์

http://tools.seobook.com/keyword-tools/seobook/index.php

keyword
keyword

2. BOT หรือ Spider คือโปรแกรมเก็บข้อมูลของ Search Engine โดย BOT มีต้นกำเนิดมาจาก

Larry Page ปัจจุบันเป็นหนึ่งในเจ้าของบริษัท Google ซึ่ง BOT จะทำงานโดยการไต่ไปยัง

ระบบเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลก จากนั้นก็จะเก็บข้อมูลไว้เมื่อมีผู้ใช้ค้นหาก็จะนำข้อมูลที่เก็บไว้

มาแสดง

3. Blacklink คือการที่มีเว็บไซต์อื่นทำ link มาหาเว็บของเรา ยกตัวอย่างเช่น www.teenee.com

ทำ link มาให้กับเว็บไซต์ www.sutenm.com เราจะเรียก Link จากเว็บไซต์ Teenee.com

ว่าเป็น Backlink

4. PR ( Page Rank ) คือคะแนนของเว็บไซต์ โดยคะแนนจะมีตั้งแต่เลข 1 – 10 ซึ่ง PR จะ

ดูได้จาก Search Engine ชนิดเดียวคือ Google เท่านั้น โดย PR จะมีการเปลี่ยนแปลงไป

ตามคุณภาพของเว็บไซต์และจำนวน Backlink การตรวจสอบ PR สามารถตรวจสอบได้

ทางเว็บไซต์ www.digpagerank.com

5. Submit Directory คือการเพิ่มเว็บไซต์ของเราลงไปในเว็บไซต์ที่เป็นเว็บ Directory

6. Domain Name คือชื่อของเว็บไซต์ โดยปกติจะใช้ภาษาอังกฤษในการตั้งชื่อและตามด้วย

ด็อท ( . ) ซึ่งด็อทที่มีความนิยมในการทำ SEO มากที่สุดคือ .Com การตั้งชื่อเว็บไซต์มี

ส่วนสำคัญในการเพิ่มปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้ ซึ่งในการตั้งชื่อเว็บไซต์ควรจะตั้งชื่อที่

จำได้ง่าย มีเอกลักษณ์และสามารถอธิบายเนื้อหาภายในเว็บไซต์ได้ทั้งหมด

7. Traffic คือปริมาณคนเข้า – ออกเว็บไซต์ สามารถตรวจสอบได้โดยการสมัครเว็บไซต์ที่

ให้บริการทางด้านการเก็บสถิติ ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ให้บริการเช่น http://webstats.motigo.com

8. Spam คือใช้สำหรับเรียกเว็บไซต์ที่ทำเนื้อหาของเว็บไซต์มาเพื่อทำ SEO เพียงอย่างเดียวโดย

ไม่สนใจว่าเนื้อหาภายในเว็บไซต์จะเป็นอย่างไร ซึ่งเว็บพวกนี้จะมีจำนวนเนื้อหาเติบโตที่ผิด

ปกติ โดยเว็บไซต์เหล่านี้จะติดโฆษณาไว้เพื่อขายสินค้า หรืออื่นๆ

9. TAGS คือคำสั้นๆ สองสามคำ ที่เอาไว้อธิบายว่าเราเขียนเรื่องอะไร เหมือนกับการที่เราติดป้าย

ให้กับบล็อกเราว่าเราเขียนเรื่องอะไรนั้นเอง นอกจากนี้ TAGS ในเว็บยังส่งผลดีต่อ SEO อีกด้วย

10. Index คือปริมาณหน้าเว็บที่ติดอยู่ในฐานขอมูลของ Search Engine ซึ่งใน Google.com จะต้อง

ใช้คำสั่ง site:ชื่อเว็บไซต์ ก็จะทราบจำนวนของหน้าเว็บที่ติดอยู่ในฐานข้อมูลของ Google ใน

SEO หากว่าปริมาณหน้าเว็บไซต์ติดอยู่ในฐานข้อมูลของ Search Engine มากก็จะส่งผลให้ผู้ใช้

มีโอกาศค้นหาเว็บไซต์ของเราเจอมากขึ้น

11. De-Index ( Decrease Index ) คือเว็บไซต์ที่โดน Search Engine ลงโทษ ซึ่งการ De – Index

จะทำให้ปริมาณหน้าของเว็บไซต์ในฐานข้อมูลของ Search Engine ที่ลงโทษเป็น 0 ใน google

สามารถใช้คำสั่ง site:ชื่อเว็บไซต์ ตรวจสอบได้